Categories
Find My iPhone iPhone

ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 3

ภาคนี้เป็นภาคจบนะครับ ท่านใดขี้เกียจอ่านยาวๆ ก็อ่านแค่ภาคนี้พอ

ภาคนี้เริ่มเรื่องตรงวันที่ 10 กันยายน 2552 เวลา 12.04 น. ซึ่งเวลาที่ผมได้รับเมล์นี้ ผมกำลังทำธุระอยู่ข้างนอกพอดี และได้ยินเสียงแล้วล่ะว่ามีเมล์มา แต่ยังไม่ได้เช็คเพราะไม่ว่าง จนเสร็จธุระราวๆ 13.00 ถึงได้มาเช็คเมล์ขณะที่ขับรถอยู่ (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี) หลังจากที่ผมเห็นเมล์นั้น แอร์รถที่ว่าเย็นๆ ก็ทำผมร้อนวูบวาบทันที เพราะระบบแจ้งมาว่าข้อความที่ส่งล่าสุดได้ส่งไปถึงเครื่องแล้ว ผมอยากจะเช็คตำแหน่งมาก (ด้วยความหวังเต็มเปี่ยม) แต่ว่าขับรถอยู่ คอมก็ไม่มี ไม่รู้จะทำยังไงดี

หลังจากคิดอยู่ราวๆ 1 นาที ผมก็เหลือบไปเห็นกระเป๋า Notebook ของผม แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า “อ่ออออออ” และผมก็ไม่รอช้าหยิบ MacBook สุดรักออกมาพร้อมทั้งเปิด Internet Tethering ใน iPhone ของผม แล้วก็ทำการสั่งให้ MacBook ต่อเนตผ่าน Bluetooth ผ่าน iPhone ผมทันที ตรงนี้เป็นโชคดีของผมมากที่รถติดค่อนข้างยาว ผมจึงสามารถเข้าเวปด้วยเนตแสนอืดของมือถือจนสำเร็จ พอเข้าหน้า Find My iPhone ได้เท่านั้นล่ะ ผมตาโตเลยทีเดียวเพราะสิ่งที่ผมเห็นคือ

i1

แม้ว่ารัศมีจะใหญ่มาก แต่ตรงนั้นผมจำได้ว่ามีห้างใหญ่ตั้งอยู่นั่นคือ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และแม้ว่าเครื่องแสดงสถานะว่า Offline ไปแล้ว แต่มันก็ยังส่งตำแหน่งมาให้ทิ้งไว้ก่อนจะปิดไป นาทีนั้นผมเลื่อนงานทุกอย่างออกไปหมด และปักใจเชื่อแน่นอนว่าเครื่องได้ถูกนำไปขายต่อในร้านที่เดอะมอลล์แล้วแน่ๆ แต่พอดีมีนัดหมอไว้ เลยโทรเรียกน้องชายคนกลางให้ไปเป็นเพื่อนเดินห้างกันหน่อย โดยบอกเค้าว่าหลังจากหาหมอเสร็จจะรีบตามไป ให้ไปเจอกันที่เดอะมอลล์เลย

ผมและน้องไปถึงที่ห้างราวๆ 15.30 น. จากนั้นผมและน้องก็ทำทีว่าเป็นคนมาเดินหาซื้อเครื่อง iPhone มือสอง ผมก็เดินเข้าทุกร้านในห้างเลย มองหาเฉพาะ iPhone 3G 8GB สีดำ ซึ่งเป็นเครื่องที่หายไป โดยจะขอเปิดดูเครื่อง และจะเข้าไปดู IMEI ในเครื่อง ถ้าตรงกับภาพด้านล่างนี้ล่ะก็…หึหึ

imei

ถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะงงว่า ผมจะจำ IMEI ได้ยังไง ยาวจะตาย จะแบกกล่องเข้าร้านไปด้วยก็คงพิลึก ตรงนี้ผมแก้ปัญหาโดยการเขียนเลข IMEI ไว้ที่นิ้วนางมือซ้ายด้านในครับ เพราะผมถนัดขวา ก็คงใช้มือซ้ายถือเครื่อง แล้วพอจะดู IMEI ก็แค่กางนิ้วออกมาเทียบ เราก็เห็นแล้ว

และก็เป็นโชคดีของผมมากที่ห้างนี้ร้านมือถือมีไม่เยอะ หลังจากเดินค้นอยู่ราวๆ 3 ชม. ผมก็พบว่าหาไม่เจอครับ จึงได้ไปนั่งพักกินข้าวกันก่อน แล้วก็นั่งตั้งข้อสมมุติฐานต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งตั้งได้ต่างๆ ดังนี้

  1. อาจจะตกหล่นอยู่บางร้านโดยที่เราเดินไม่ทั่ว
  2. อาจจะขายร้านข้างนอกเดอะมอลล์แต่อยู่ละแวกเดียวกัน
  3. ร้านอาจจะขายออกไปแล้ว

ระหว่างรออาหารผมจึงหยิบ MacBook ออกมาต่อเนตผ่าน iPhone อีกรอบ เผื่อจะเช็คตำแหน่งได้ว่าเครื่องอยู่ที่ไหน (หลังจากที่ได้ข้อความล่าสุดมา ผมยังไม่ได้ส่งเข้าไปใหม่ เพราะกะว่าคนที่ขโมยไปคงไม่กลับใจแล้ว รอให้เครื่องมีการใช้งานดีกว่า แล้วค่อยตามตำแหน่งเอา) แล้วตำแหน่งที่ผมเช็คได้เมื่อเวลาราวๆ 18.30 น. คือภาพนี้ครับ

i2

ตำแหน่งยังคงตำแหน่งเดิม แต่เวลาล่าสุดที่เครื่องอยู่บริเวณนี้คือเวลา 14.22 น. ถึงตรงนี้ผมกับน้องก็เลยสรุปได้ว่าเครื่องต้องเคยอยู่ในห้างเดอะมอลล์งาม วงศ์วานแห่งนี้แน่นอน แต่ตอนนี้คงจะถูกปิด หรือไม่ก็ขายไปแล้ว และถ้าเราอยากจะตามตำแหน่งเครื่องอีกที ก็ควรจะรู้ว่าเครื่องเปิดแล้ว มิเช่นนั้นเราสุ่มเช็คเอาก็คงจะเจอยาก ผมและน้องจึงคิดว่าควรส่งข้อความเข้าไปอีกครั้ง แต่ข้อความที่ส่งเข้าไปรอบนี้จะไม่ใช่ข้อความให้โทรกลับเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ข้อความนี้คือ “Welcome” กะว่าให้คนที่เปิดเครื่องนี้ครั้งต่อไปรู้สึกดีหน่อยว่า iPhone มันต้อนรับเราให้ใช้งานแล้วนะ… โดยข้อความนี้ถูกส่งไปเมื่อเวลา 18.50 น.

หลังจากกินข้าวกันจนอิ่ม ผมกับน้องก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ จึงได้คุยกันว่ากลับก่อนดีกว่า ตามต่อก็คงไม่เจอ สรุปวันนี้ผมก็แห้วอีกตามเคย

แต่คืนวันนั้นเองขณะที่ผมนอนเล่นอยู่ ก็มีเสียงเมล์ดังเข้ามา ผมก็เช็คดูตามระเบียบ หลังเห็นเมล์ฉบับนั้น ผมเด้งขึ้นมาจากเตียงทีเดียว เพราะเมล์บอกว่าข้อความได้ถูกส่งไปแล้วเมื่อเวลา 22.14 น. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผมอ่านเมล์อยู่นั่นเอง… ผมรีบตรงดิ่งไปที่คอม แล้วก็เปิดเช็คตำแหน่งทันที

i3

หลังจากเห็นตำแหน่ง ผมตื่นเต้นมาก เพราะนี่มันค่อนข้างแคบกว่าที่ได้เมื่อตอนบ่ายเยอะเลย แต่ผมก็ยังไม่พอใจ จึงได้ทำการกด Update Location ดู หวังว่าจะได้ที่ละเอียดมากขึ้น ผลที่ได้ก็คือ

i4

ตำแหน่งที่ได้ แคบลงมาอีก ผมจึงกดดูแบบ Hybrid Mode ทันที

i5

เท่านั้นล่ะครับ ผมชวนครอบครัวออกไปท่องราตรีกันทันที ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยครับ หวังแค่ว่าอยากไปอยู่ใกล้เครื่องมากที่สุด และหวังว่าจะได้คืน แต่พอไปถึงปุ๊บ ก็พบว่าเป็นซอยที่เงียบและมืดมาก ก็เลยลองเดินด้อมๆ มองๆ ตามบ้านดู เผื่อจะเห็นใครเล่น iPhone อยู่ แต่ผลที่ได้คือเจอหมาแถวนั้นเห่าไล่แทน จึงมาตั้งหลักกันในรถและปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกันต่อดี ตอนนั้นทุกคนสรุปได้ตรงกันว่าเครื่องนี้น่าจะถูกขายเปลี่ยนมือมาเรียบร้อย แล้ว คนนี้น่าจะเป็นคนที่ไปซื้อมาจากที่เดอะมอลล์ ก็เลยลองเช็คตำแหน่งอีกครั้งหนึ่งซึ่งก็ยังได้ตำแหน่งเดิมอยู่ จึงส่งข้อความเข้าไปอีกรอบ (พก MacBook มาด้วยเหมือนเดิม ตามระเบียบ) ตอนเวลา 23.16 น. ว่า “กรุณาโทรกลับ 08x-xxx-xxxx ด่วนมาก เรื่องฉุกเฉิน”  และข้อความนี้ก็ส่งเข้าไปถึงเครื่องทันที เพราะว่าทางระบบได้ส่งเมล์กลับมาแจ้งทันทีเมื่อกดส่ง

นั่งรอกันอยู่ประมาณ 10 นาที ก็ยังไม่มีโทรศัพท์ดังพร้อมทั้งเช็คตำแหน่งขณะนั้นก็พบว่าเครื่อง Offline ไปอีกแล้ว ก็เลยไม่รู้จะทำยังไงกันต่อดี จึงส่งข้อความมุกเดิมเข้าไปว่า “Welcome” เมื่อเวลา 23.29 น. แล้วก็ตัดใจและขับรถกลับบ้าน

ขณะที่ออกรถมาได้ไม่กี่นาที ก็มีเมล์เข้ามาบอกว่าข้อความได้ถูกส่งไปแล้วเมื่อเวลา 23.35 น. ผมจึงรีบจอดข้างทาง และเช็คตำแหน่งอีกครั้ง พบว่ายังคงอยู่ที่เดิม ก็เลยส่งข้อความเข้าไปอีกครั้งว่า “รบกวนโทรกลับเบอร์ 08x-xxx-xxxx ด่วน” แล้วก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านต่อโดยไม่หวังอะไรมาก และซักพักนึงก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น…

คนที่โทรมาชื่อคุณ “ปุ๊ก” และผมก็เลยขออนุญาตเค้าเล่าความเหมือนที่เล่าไปในภาค 1 ให้เค้าฟัง พร้อมทั้งบอกว่าถ้าไม่เชื่อ เรามีใบแจ้งความเป็นหลักฐานให้ดูได้ และเค้าก็เชื่อผมพร้อมทั้งให้เบอร์ติดต่อผมมา พร้อมทั้งบอกว่าเค้าเพิ่งไปซื้อเครื่องมาวันนี้เองจากที่เดอะมอลล์งาม วงศ์วาน และยินดีให้ความร่วมมือในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

วันรุ่งขึ้นผมจึงได้นัดเจอคุณปุ๊ก พร้อมทั้งเรียกตำรวจสน.ที่ไปแจ้งความไว้มา แล้วก็เดินไปบุกร้านที่เค้าซื้อมาทันที เพื่อสอบถามความเป็นมาว่าได้เครื่องนี้มาอย่างไร ขั้นตอนต่อจากนี้ผมจะ ไม่ขอเล่านะครับ เพราะอาจจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกได้ และสุดท้ายตอนนี้ผมก็ได้เครื่องคืนแล้ว พร้อมทั้งรู้ตัวคนที่ขโมยไปแล้วครับ

จากประสบการณ์ของผมนั้น ผมจะขอแนะนำท่านที่อาจจะได้มีประสบการณ์เช่นนี้บ้างว่า อย่าไปใจดีให้โอกาสอะไรมาก แล้วก็ไม่ต้องไปเผยไต๋ว่ามี Find My iPhone เพราะจะทำให้คนขโมยไม่กล้าเปิดใช้ และส่งผลทำให้ตามเครื่องได้ล่าช้าเหมือนผมครับ

ปล. ผมคิดว่าถ้า True Move ได้มาอ่าน คงอยากจะได้ไปเป็นข่าวเพื่อทำตลาด ถ้ายังไงก็ติดต่อผมได้ที่ @Bankja นะครับ (หลงตัวเองดีมั๊ย)

12 replies on “ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 3”

อยากทราบว่ากรณีที่เครื่องถูกRestoreไปหลังจากหายแล้ว จะสามารถตามได้มั้ยครับ
คือเคยคิดจะสมัคร แต่คิดว่าคงไม่มีประโยชน์ถ้าเครื่องถูกrestoreเลยไม่ได้ซื้อ แล้วสุดท้ายเครื่องผมก็หายครับ เสียดายมาก ไม่สามารถทำอะไรได้เลยครับ

ถ้าเครื่องหายไปแล้วสามารถไปสมัคร Find my Phone ทีหลังได้หรือเปล่าครับ

แล้วก็เหมือนความเห็นด้านบน ถ้าเครื่องถูก Restore แล้ว Find my Phone ยังใช้งานได้อยู่หรือเปล่าครับ

รบกวนตอบกลับทีนะครับ พอดีเพื่อนผมเครื่องเพิ่งหายไปเมื่อวานนี้เองครับ *-*

ขอบคุณครับ

สมัครทีหลังไม่ได้ครับ ต้องสม้ครก่อน แล้วตั้งค่าในตัวเครื่องให้เรียบร้อยถึงจะเริ่มใช้งานได้ครับ และถ้าถูก Restore แล้วก็ตามไม่ได้เช่นกัน T_T เสียใจด้วยกับเครื่องเพื่อนนะครับ ขอให้ได้คืนมาไวๆ นะครับ

จะมีตอน 4 รึป่าวครับ อยากอ่านต่อ

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่าเทคโนโลยี มันเป็นประโยชน์จริงๆ

มีต่อแน่นอนครับ ขอรับปากว่าภายใน 2 อาทิตย์นี้ จะหาเวลานั่งเขียนต่อให้จบให้ได้ครับผม ปกติผมจะบอกว่าแต่ว่าเร็วๆ นี้ ตอนนี้จำกัดกรอบเวลาเข้ามาแล้ว เป็นการบังคับตัวเองไปในตัว 🙂 ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะครับ

มีคำถามครับแบงค์ ว่าถ้าเกิดไอ้คนที่ขโมยไปมันเอาไปขายร้าน แล้วก็จัดการอัพเฟิร์มแวร์ใหม่ โปรแกรมมันก็หาย งี๊ก็ตามไม่ได้แล้วอ่ะสิคับ

ถูกต้องครับซัน ซึ่งเป็นข้อด้อยของบริการ Find My iPhone นี้

พี่คะคือไอแพด2เพื่อนหาย แต่จำไม่ได้ว่าเปิดออน find my ไว้หรือป่าว แล้วจะเอาไอโฟนของหนูเชคว่าของเพือ่นอยู่ที่ไหน มันต้องทำไงอะคะ แอดเครื่องเพื่อนยังไง ขอบคุณมากคะ

วิธีตรวจสอบตำแหน่งเครื่องของเพื่อนผ่าน iPhone ของท่านก็คือทำการดาวน์โหลดแอพ Find My iPhone จากใน App Store มาที่เครื่องของท่านก่อนให้เรียบร้อยนะครับ

แล้วพอเปิดเข้าแอพไป มันจะถามถึง Apple ID ซึ่งตรงนี้ต้องใส่ Apple ID ที่ได้ทำการตั้งค่า MobileMe ในเครื่องที่เราต้องการจะดูเข้าไป แล้วก็จะสามารถค้นหาตำแหน่ง หรือสั่งล็อคเครื่องได้ครับ

ขอให้โชคดีนะครับ 🙂

เรื่องราวสุดยอดมากๆๆๆครับ เอาไป5ดาวเลย เขียนได้ดี อ่านแล้วเข้าใจง่ายน่าติดตาม

อยากสอบถามคับ คือมีอี่มี่แต่ถ้าหัวขโมย ไม่เปิดGprsอ่ะครับจะหาพิกัดเจอไหม ? แล้วถ้าหัวขโมยเปิดWifiและไม่เปิดGprsอ่ะครับจะเจอพิกัดไหม แล้วถ้าเค้าเอาไปรีสตอร์ Appid ผมจะหายไปไหมครับ Bankja

Leave a Reply to sunCancel reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.