Categories
Find My iPhone iPhone

ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 2

ในภาค 2 นี้เนื้อเรื่องก็จะยังไม่เข้มข้นนะครับ แต่ก็ต้องเล่าให้ละเอียด เพราะบางท่านคงชอบอ่านเรื่องเต็มๆ

ก่อนอ่านภาคนี้ ผมขออธิบายก่อนว่า Find My iPhone ทำงานยังไง และมีลูกเล่นยังไงบ้างนะครับ

  1. เช็คได้ว่าเครื่องที่เราตั้งเอาไว้นั้นเปิดหรือปิดเครื่องอยู่
  2. สามารถหาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ หากโทรศัพท์เครื่องนั้นเปิดอยู่
  3. สามารถส่งข้อความเข้าไปที่เครื่องได้ผ่านทางเวป โดยจะสามารถเลือกได้ว่าจะมีขึ้นข้อความพร้อมเสียง หรือจะให้มีแต่ข้อความอย่างเดียวไม่มีเสียงก็ได้ ตรงนี้ไม่เกี่ยงซิมนะครับ ขอให้แค่เปิดเครื่องและมีสัญญาณมือถือก็สามารถส่งเข้าไปได้ทันที
  4. จะมีระบบ E-mail เตือนกลับมายังเราว่าข้อความที่ถูกส่งไปในข้อ 3 นั้น ได้ถูกแสดงผลที่เครื่องแล้ว ฉะนั้นถึงแม้จะส่งไปตอนที่ปิดเครื่องอยู่ พอเครื่องเปิด และได้รับข้อความ เราก็จะทราบได้ทันทีเช่นกัน
  5. E-mail เตือนที่ว่านั้นจะส่งเข้ายัง E-mail ของ MobileMe ที่เราสมัครไว้ ซึ่งถ้าใช้งานบน iPhone มันจะเป็น Push Mail นั่นแปลว่าถ้ามีเมล์แจ้งเตือนเข้ามานั้น เราจะรู้ได้ทันที
  6. ข้อความที่ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ผ่านทาง Find My iPhone มีข้อเสียใหญ่ๆ คือ เมื่อกดปุ่ม Close หลังจากที่อ่านไปแล้ว จะทำให้ข้อความนั้นปิดไปและไม่มีทางจะอ่านได้อีกรอบ ฉะนั้นแม้เราจะส่งเบอร์เราเข้าไปให้โทรกลับ แต่ถ้าเค้ากดปิดไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้จดหรือจำเบอร์ของเรา เค้าก็จะดูเบอร์อีกครั้งไม่ได้ และก็จะโทรกลับไม่ถูก
  7. Find My iPhone จะไม่สามารถบอกเราได้ว่าซิมที่ใส่อยู่เป็นเบอร์อะไร ฉะนั้นเราจะไม่สามารถโทร หรือเอาเบอร์ไปสืบต่อได้ ทำได้แต่ส่งข้อความเข้าไป แล้วหวังให้เค้าติดต่อกลับมา

เรามาเริ่มภาค 2 กันต่อเลยละกันโดยผมเว้นช่วงมา 2 วันหลังจากวันเกิดเหตุ ด้วยความหวังว่าอาจจะมีเครื่องส่งกลับมาบ้านผมในรูปแบบพัสดุ แต่ก็เงียบสนิทไม่มีวี่แวว ผมจึงได้ส่งข้อความเข้าไปผ่านทาง MobileMe เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 เวลา 12.37 น. ว่า “เครื่องนี้เป็นเครื่องถูกขโมย กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx” หลังจากส่งเสร็จผมก็ไม่มีอะไรทำแล้ว นอกจากรอ โดยข้อความที่ผมส่งไปนี้ ผมหวังผลอยู่ 2 เรื่องคือ ถ้าเค้าเอาไปขายจริง และร้านเปิดมาเจอตอนเช็คเครื่อง ผมหวังว่าจะเจอร้านที่มีน้ำใจติดต่อกลับมา ส่วนอีกเรื่องคือผมจะได้สามารถเปิดเช็คตำแหน่งได้เมื่อมีการเปิดเครื่อง เพราะถ้ามีการเปิดเครื่อง และเครื่องได้ข้อความที่ผมส่งไปนั้น ผมก็จะรู้ทันทีจาก E-mail ที่ทางระบบจะส่งมาแจ้ง

จนเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 เวลา 17.21 น. ขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ออฟฟิศของแฟน ก็มีเสียง E-mail เข้าตามปกติ ผมก็เปิดเช็คดู แต่เมล์ฉบับนี้ทำให้ผมตื่นเต้นมาก มันเป็นเมล์จากทางระบบของ MobileMe นั่นเอง ผมรีบถามแฟนผมทันทีว่ามีคอมเครื่องไหนที่ว่างจะใช้งานได้บ้าง เพราะผมอยากจะเช็คตำแหน่งจะได้รู้ซักทีว่าเครื่องอยู่ที่ไหน หรือถ้าโชคดีจะได้รู้ว่าใครเอาไป พอผมได้คอมปุ๊บ ผมก็รีบเข้าเวปทันที แต่พอผมเข้าไปถึงหน้า Find My iPhone ก็พบว่าเครื่องดังกล่าว Offline ไปแล้ว ผมเสียดายมากๆ จึงได้ทำการส่งอีกข้อความเข้าไปทันทีตอนเวลา 17.34 น. ว่า “เครื่องนี้ถูกขโมยมา กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx ด่วนด้วยครับ”

จากนั้นก็เงียบสนิทมาหลายวัน จนผมนึกว่าคนที่ขโมยไปคงกลัวไม่กล้าเปิดเครื่อง พร้อมทั้งไม่กล้าส่งเครื่องคืนจนเอาเครื่องไปดองในไหปลาร้าที่ไหนแล้ว จนมาถึงวันที่ 7 กันยายน 2552 เวลา 11.53 น. ผมก็ได้รับเมล์จากทางระบบอีกครั้ง รอบนี้ผมอยู่หน้าคอมพอดี จึงรีบเข้าไปเวปเพื่อเช็คตำแหน่งโดยด่วนที่สุด หลังจากเข้าไปแล้วก็รอให้ทางระบบหาตำแหน่งอยู่นานหลายนาที จนสุดท้ายระบบก็หาตำแหน่งไม่เจอ พร้อมทั้งบอกว่าเครื่องได้ Offline ไปแล้ว รอบนี้ทำผมเซ็งเอามากทีเดียว ใจนึงก็แอบคิดว่าสงสัย MobileMe ตูจะพึ่งพาไม่ได้ซะแล้ว แต่ไอการที่จะให้เดาว่าใครเอาไป ก็ไม่มีหลักฐานพอเพียงให้สรุปอยู่ดี จึงได้ส่งข้อความเข้าไปอีกตอนเวลา 12.04 ว่า “เครื่องนี้ถูกขโมยมา กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx ด้วยครับ มีค่าตอบแทนให้ครับ” ตอนที่ส่งข้อความนี้นั้น ผมคิดว่ารอบหน้าที่เปิดเครื่องต้องเป็นร้านเปิดแน่ๆ แล้วก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น และขอให้ร้านติดต่อมา

อ่านแล้วเริ่มเบื่อกันรึยังครับ ตามเครื่องมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้เรื่องซักที แต่ขอจบภาค 2 ตรงนี้ก่อนนะครับ พักยกก่อน เมื่อยมือครับ

Categories
Find My iPhone iPhone

ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 1

เรื่องที่ท่านกำลังจะได้อ่านนี้เป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากผมเคยอ่านข่าวว่าต่างประเทศมีการจับโจรขโมยโทรศัพท์ด้วยระบบ Find My iPhone มาแล้ว ผมก็เลยไม่น้อยหน้าบ้าง (ผมเชื่อว่าผมเป็นคนแรกในประเทศไทยนะ ถ้าใครมี หรือรู้จักคนที่มีประสบการณ์นี้ก่อนผม ช่วยบอกที) อย่าเกริ่นกันยาวเลยดีกว่า เริ่มเลยละกัน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2552 นะครับ เริ่มมาจากน้องชายผมเค้าไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เค้า แล้วก็ไม่ยอมกลับบ้าน เลยไปค้างหอเพื่อนของเพื่อนอีกทีนึง พอตื่นเที่ยงขึ้นมาก็พบว่า iPhone 3G by True ที่วางไว้ด้านหัวที่นอน ก่อนจะหลับไปได้หายไปแล้ว พอน้องชายผมรู้ตัว ก็รีบหาเครื่องพร้อมทั้งถามเพื่อนที่นอนด้วยกันว่ามีใครเห็นบ้าง ก็ได้ความว่าไม่มีใครรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น น้องผมจึงสรุปได้ในใจว่า “โทรศัพท์กูโดนขโมยแน่ๆ”

เนื่องจากน้องชายผม (ต่อไปจะเรียกว่า “น้องบลู”) ยังอ่อนต่อโลกนี้นัก จึงทำอะไรไม่ถูก ก็เลยนักแท๊กซี่กลับมาบ้านเพื่อเล่าให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น (น้องไม่กล้าเล่าให้ผมฟัง เพราะว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ผมเป็นคนให้เค้าเอง) แต่สุดท้ายแม่ก็ต้องมาเล่าให้ผมฟังอยู่ดี จากนั้นผมก็ยกครอบครัวกันไปเลยทีเดียว โดยให้น้องโทรเรียกคนที่ไปนอนด้วยกันทั้งหมดไปรวมกันที่หอที่เกิดเหตุ

ระหว่างทางไปผมก็สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ก็ได้ความว่าคืนที่เกิดเหตุมีน้องบลู เพื่อนอีก 4 คน (หนึ่งในนี้เป็นน้องชายของเจ้าของห้อง) พี่สาวเพื่อน (เจ้าของห้อง) และแฟนของพี่สาวเพื่อน สรุปแล้วมีผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 6 คน

พอผมไปถึงที่นั่น แฟนพี่สาวเจ้าของห้องก็ไม่อยู่แล้ว ก็เลยเหลือคนที่จะเค้นเอาเครื่องคืนได้แค่ 5 คน ผมก็เริ่มจากเด็ก 4 คนก่อน เพราะน่าสงสัยที่สุด ขั้นตอนการเค้นเครื่องคืนของผมท่านจะบอกว่าใจดีเกินไปก็คงได้ เพราะตอนนั้นใจผมอยากจะให้โอกาสเด็กอย่างเดียว อยากให้เค้าได้กลับตัว เริ่มแรกผมก็คุยกันดีๆ ก่อนว่าใครเอาไปให้เอามาคืน เพราะสิ่งที่ทำไปนั้นมันเป็นสิ่งไม่ถูก กลับตัวตอนนี้ยังทัน จะไม่ว่าอะไร เพราะถ้าไม่เอาคืนนั้น เรื่องถึงตำรวจจะทำให้เสียประวัติได้ แต่ผลที่ได้คือไม่มีใครยอมรับอยู่ดี

ผมจึงคิดว่าถ้าเด็กๆ อยู่รวมกัน 4 คน อาจจะมีคนอายจนไม่กล้ายอมรับ ผมจึงได้เดินห่างออกมาไกลๆ แล้วเรียกเด็กเข้ามาคุยทีละคน หวังให้เค้าสารภาพ แต่ผลที่ได้ก็ยังไม่เป็นตามหวังอยู่ดี ไม่มีใครยอมรับซักคน ผมจึงเริ่มขู่เด็กว่าเครื่องที่เอาไปนั้นผมติดตามระบบค้นหาตำแหน่งเอาไว้ ถึงขโมยไปก็เอาไปใช้ไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้าเปิดเครื่องปุ๊บ ผมจะรู้ทันทีว่าเครื่องอยู่ที่ไหน พร้อมทั้งโชว์การหาตำแหน่งเครื่อง iPhone 3GS ของผมให้เค้าดูด้วยบริการ Find My iPhone แต่ก็ยังไม่เป็นผล ไม่มีใครยอมรับอยู่ดี

เมื่อไม่มีใครรับ ผมเลยขอเด็กที่เป็นน้องชายเจ้าของห้องว่าอยากจะขอดูห้องหน่อย จะสะดวกมั๊ย เค้าก็โอเคแล้วพาผมขึ้นไปดู พอเข้าไปในห้องก็พบพี่สาวเค้าอยู่ข้างใน ก็เลยขออนุญาตค้นห้องเพื่อหาเครื่องหน่อย ซึ่งพี่สาวเค้าก็ยอมให้ค้น แต่สุดท้ายผมก็ไม่เจอเบาะแสใดๆ จึงได้ทำการบอกพี่สาวถึงเรื่องที่ผมสามารถตามตำแหน่งได้หากขโมยเครื่องไป และเค้าก็บอกว่าไม่ได้เอาไป พร้อมทั้งแนะนำให้ไปแจ้งความดีกว่าเพื่อความสบายใจของเค้าเองด้วย

และเมื่อไม่มีใครยอมรับว่าเอาไป สุดท้ายก็เลยต้องไปแจ้งความกันจริงๆ โดยยกกันไปโรงพักทุกคน โดยมีแฟนเจ้าของห้องตามไปที่โรงพักด้วย สรุปคือไปกันพร้อมหน้าเลยทีเดียว ทางตำรวจก็ได้ทำการสอบถามเบื้องต้น พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วก็ออกใบแจ้งความมาให้ แต่ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านนั้น ผมยังยื่นโอกาสสุดท้ายให้คนที่ขโมยไปได้กลับตัว นั่นคือ ผมเขียนที่อยู่บ้านของผมใส่กระดาษ แล้วเอาไปแจกให้ผู้ต้องสงสัยทุกท่าน พร้อมทั้งบอกว่าหากเอาเครื่องไป แต่อายที่จะสารภาพกันตอนนี้ ก็ส่งเครื่องกลับมาให้ผมทางไปรษณีย์ก็ได้ แล้วผมจะไม่เอาความใดๆ (จริงๆ มันเป็นคดีอาญา ยอมความกันไม่ได้) จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนผมและครอบครัวก็ยังคงงงกันต่อไปว่าใครนะมันช่างกล้าเอาเครื่องไป…