Categories
Bankja

ขออภัยที่หายไปนาน

เดือนนี้ทั้งเดือนผมพบปัญหาต่างๆ มากมาย ล่าสุดเพิ่งจะเคลียร์ปัญหาที่หนักอกที่สุดมากว่า 2 ปีได้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดซ้ำอีกมั๊ย ยังไงผมก็ภาวนาอย่าให้มันเกิดขึ้นจะดีที่สุด

และหลังจากจบปัญหาดังกล่าวไป ก็มีเหตุให้ไปต่างจังหวัดหลายวัน เลยไม่ได้เล่นคอม และระหว่างที่อยู่ไกลบ้านนั้น แว่นตาสุดที่รักผมก็ดันหายซะอีก พอกลับมาถึงกทม.ก็กลายเป็นเสมือนคนตาบอดชั่วคราว ก็เลยไม่ฝืนเล่นคอมดีกว่า

ตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว คาดว่าคงจะกลับมาอัพเดทได้อย่างต่อเนื่องเหมือนเดิมครับ ต้องขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

Categories
iPhone

เปรียบเทียบ App สำหรับส่งข้อความระหว่าง iPhone ด้วยกัน ภาค 3

เนื่องจากมี App น้องใหม่ชื่อ Yak เข้ามา ซึ่งมีลูกเล่นพิเศษที่ตัวอื่นทำไม่ได้คือ Group Chat ครับ ผมก็เลยอัพเดทตารางเพิ่มจากตารางเดิม เพื่อให้เพื่อนๆ ทุกท่านได้เปรียบเทียบกัน

iphonechatcompare

Download กันได้ตามนี้เลยครับ

มีตรงผิดพลาด หรืออยากให้ผมเพิ่มเติมก็บอกกันได้เลยนะครับ 🙂

Categories
Find My iPhone iPhone

บทเสริม: ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 3

ต้องขออภัยอีกรอบที่ทิ้งช่วงไปนาน ไม่ได้อัพเดทนะครับ ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งจริงๆ กลับบ้านดึกทุกวันเลยไม่ได้มาปั่นให้อ่านภาคจบกันซักที ตอนนี้ก็ขอเป็นบทเสริมภาค 3 ก่อน แล้วตอนหน้าก็เป็นภาคจบของจริงแล้วนะครับ ภาคนี้สั้นนิดเดียวครับ เพราะไม่มีอะไรมาก เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

บทเสริมของตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 3

ในภาค 3 นี้ผมเล่าไว้ค่อนข้างละเอียดอยู่ แต่อยากเสริมนึดเดียว 3 เรื่องพอ เพราะไหนก็ๆ เสริมมาทุกภาคแล้ว ภาคนี้ไม่เสริมเลยก็กระไรอยู่ 🙂

เรื่องแรก: วันที่ 10 กันยายน 2552 หลังจากที่ผมจับสัญญาณได้ว่าเครื่องอยู่ที่เดอะมอลล์ ผมก็ไปตามหาทันที แล้วทีนี้ไอเครื่องที่หายไปเนี่ย ตอนก่อนหายได้ติดฟิลม์แบบกระจกและหุ้มซิลิโคนสีส้มไว้ ปรากฎว่าระหว่างที่เดินๆ หาอยู่ตามร้านนั้น ไปเจออยู่ร้านนึงมีเครื่องฟิลม์กระจกแต่ไม่มีซิลิโคน ผมกับน้องชายคนกลางก็รีบขอดูทันที ตรวจสอบภายนอกก็พบว่าเป็น iPhone 3G 8GB จากนั้นผมก็กดเปิดเครื่อง ปรากฎว่า…ไม่ติดครับ แบตหมด ผมจึงเนียนทำเป็นขอดูเครื่องอื่นที่เป็น iPhone 3G 8GB ด้วย (แต่เครื่องอื่นติดฟิลม์ใสปกติ) แล้วก็ทำเป็นว่าชอบสภาพเครื่องของเครื่องฟิลม์กระจกมาก อยากจะขอลองเครื่องให้ได้ ก็เลยขอที่ชาร์จเขามาลองเสียบดู เพื่อจะเปิดเครื่องและแอบตรวจสอบ IMEI ได้ ทางร้านก็ใจดีหยิบที่ชาร์จมาเสียบให้ทันที

หลังจากชาร์จแบตได้แป๊บนึง ผมก็กดเปิดเครื่องทันทีด้วยความหวังว่า IMEI มันต้องตรงแน่ๆ หน้าตามันออกจะใช่ขนาดนี้ ปรากฎว่ายังเปิดไม่ติดครับ! สงสัยจะเป็นอาการแบตหมดเกลี้ยง ตรงนี้ท่านใดที่เคยใช้ iPhone อาจจะเคยประสบเหตุการณ์นี้มาบ้างว่าถ้ามันแบตหมดเกลี้ยง จะต้องชาร์จทิ้งไว้ซักพักก่อนถึงจะเปิดติด

ระหว่างที่รอนั้น ผมก็ชวนร้านคุยเรื่อยเปื่อย รวมๆ แล้วเป็นเวลากว่า 10 นาที เครื่องก็ยังเปิดไม่ติด จนร้านเค้าเชียร์ให้เอาเครื่องอื่นแทนดีกว่า (สงสัยจะรำคาญผม อิอิ) ผมกับน้องเลยทำทีขอตัวไปห้องน้ำก่อนเพื่อซื้อเวลาหน่อย พอผมกับน้องเดินลับตาร้านมาก็มาคุยปรึกษากันว่ามันจะใช่เครื่องที่เราหามั๊ย ? เพราะภายนอกมันดูใช่มากๆ แถมแบตหมดเกลี้ยงอีก เพราะคนที่ขโมยไปก็คงไม่มีที่ชาร์จอยู่แล้ว ทิ้งไว้ตั้งหลายวันก่อนมาขาย แบตไม่หมดเกลี้ยงก็แปลก แต่ก็มีข้อสงสัยนิดตรงที่ว่า แล้วไอร้านมันรับซื้อมาได้ยังไงถ้าแบตหมดขนาดนั้น เค้าไม่เช็คเครื่องก่อนซื้อมาเลยเหรอ?

หลังจากคุยกันเองอยู่ประมาณ 5 นาที น้องผมก็ใจร้อน โทรเรียกสารวัตรเจ้าของคดีมาทันที กะว่าใช่ร้านนี้แน่ๆ จะได้ให้ตำรวจคุยและสืบคดีต่อเลย โดยไม่ฟังคำท้วงของผมว่ารอเปิดเช็คเครื่องก่อน ถ้า IMEI ตรงค่อยเรียกก็ได้ หลังจากน้องผมคุยกับสารวัตรเสร็จ (โดยที่ผมไม่ค่อยเห็นด้วย) ก็รู้สึกได้ว่าเราทำเป็นมาห้องน้ำกันนานมากแล้ว เดี๋ยวที่ร้านจะสงสัยว่าหายไปนาน ก็เลยพากันเดินกลับไปที่ร้าน

รวมๆ เวลาที่ชาร์จแบตมาก็น่าจะราวๆ 20 นาทีได้ พอผมมาถึงร้านปุ๊บ ผมก็ขอเค้าเปิดเครื่องทันทีด้วยความตื่นเต้น! แต่…มันก็ยังเปิดไม่ติด เจ้าของร้านก็คงเริ่มสงสัยว่าทำไมเปิดไม่ติด จึงได้ไปเรียกเพื่อนอีกร้านมาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ iPhone ประจำห้างนั้น พอเค้ามาถึงก็พยายามเปิดเครื่อง กดนู่นกดนี่กดไปกดมาอยู่ประมาณ 5 นาที ในที่สุดเครื่องก็เปิดติดจนได้ ผมกับน้องตื่นเต้นมาก รีบขอเครื่องมาดูทันที ผมก็รีบเข้าเช็ค IMEI ในบันดล ปรากฎว่าเลขไม่ตรง…. ตอนนั้นนี้อารมณ์ผิดหวังมากครับ แต่ก็ต้องฝืนยิ้มเล่นละครเนียนตาร้านต่อไป โดยผมก็ทำทีเป็นต่อราคา และก็ขอเดินสำรวจร้านอื่นก่อนตามระเบียบ แล้วก็ออกจากร้านมา (สรุปอยู่ตรงร้านนี้ครึ่งชั่วโมงได้)

หลังจากนั้นผมก็เดินสำรวจร้านอื่นต่อจนกระทั่งสารวัตรเจ้าของเรื่องมา น้องผมก็ไปคุยกับสารวัตรบอกว่าสรุปยังไม่พบเครื่อง เป็นการเข้าใจผิด ทำให้สารวัตรท่านนั้นอารมณ์เสียและกลับสน.ไป..

เรื่องที่สอง: อยากบอกว่าคุณปุ๊กนั้นนอกจากจะซวยเรื่องซื้อเครื่องถูกขโมย แล้ว ยังลำบากเรื่องเปลี่ยนแปลงตารางการเดินทางด้วย เพราะหลังจากที่ผมติดต่อคุณปุ๊กได้ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน 2552 และได้อธิบายกันจนคุณปุ๊กรับรู้ว่าเป็นเครื่องถูกขโมยแล้ว คุณปุ๊กก็มีน้ำเสียงกระวนกระวายมาก ซึ่งทำให้ผมชื้นใจมากว่าเจอคนดีแล้ว ถ้าไปเจอคนนิ่งๆ ไม่สนใจจะร่วมมือด้วย ผมคงไม่ได้เครื่องคืนง่ายๆ แน่

ตอนนั้นผมก็ใจร้อนอยากจะนัดเจอคุณปุ๊กโดยไว อยากจะเจอกันในวันรุ่งขึ้น หรือวันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2552 เลย แต่คุณปุ๊กบอกว่าในวันรุ่งขึ้นนั้นมีกำหนดการต้องเดินทางไปต่างประเทศ ขอกลับมาจัดการเรื่องในวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2552 ได้มั๊ย ผมได้ยินดังนั้นผมก็ไม่มีทางเลือก ก็เลยขอเบอร์ติดต่อไว้พร้อมกับตอบตกลงไป

ขณะที่ผมถึงบ้าน คุณปุ๊กก็โทรมาหาพร้อมกับบอกว่าเค้าอยากจะจัดการเรื่องให้เสร็จๆ ไป เพราะไม่ชอบให้มีเรื่องแบบนี้คาใจ จึงได้บอกผมว่าเดี๋ยวจะโทรไปทำการเลื่อนวันเดินทางออกไป แล้วตอนเช้าจะบอกผมอีกทีว่าเลื่อนได้หรือไม่ สุดท้ายคุณปุ๊กก็เลื่อนได้ (ทำเอาผมเกรงใจเลยทีเดียว) และก็ได้นัดเจอกับผมที่ห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วานเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้จบๆ ไปซึ่งเป็นตอนจบในภาค 3 นั่นเอง

เรื่องที่สาม: ในวันที่ 11 กันยายน 2552 ซึ่งเป็นวันดีเดย์ที่ผมกับคุณปุ๊กไปลุยเดอะมอลล์กันเพื่อจะเคลียร์คดีนี้ นั้น ผมก็ทำการติดต่อท่านสารวัตรให้มาด้วยเพื่อจะได้เป็นคนคุยกับทางร้าน แต่ท่านสารวัตรปฎิเสธที่จะมาเนื่องจากไม่เชื่อว่าผมตามเจอเครื่องแล้วจริงๆ บอกว่าจะส่งสายตรวจมาดูแลให้แทน (เป็นผลจากวันที่ 10 ที่น้องชายผมใจร้อน)

ก็ขอจบบรรดาภาคเสริมทั้งหมดเพียงเท่านี้ครับ ตอนต่อไปที่จะอัพเดทก็คงจะเป็นภาค 4 ตัวจริงแล้วนะครับ โดยภาค 4 นี้จะเริ่มเรื่องตั้งแต่ตอนเดินไปที่ร้านพร้อมๆ กันหมดทั้งผม คุณปุ๊ก และคุณตำรวจสายตรวจครับ ติดตามอ่านได้ที่นี่เช่นเดิม หรือติดตามข่าวสารอัพเดทได้ที่ http://twitter.com/Bankja นะครับ

Categories
Find My iPhone iPhone

บทเสริม: ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 2

ก่อนอื่นต้องขออภัยก่อนที่ไม่ค่อยได้อัพเดทนะครับ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้อยู่หน้าจอเลย เล่นเนตผ่านมือถือซะมากกว่า วันนี้ได้อยู่บ้านแล้วก็ขออัพเดทซักหน่อยละกันนะครับ

บทเสริมของตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 2

ถัดจากวันแจ้งความมาประมาณ 3 วัน ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ผมก็ได้โทรศัพท์ไปยังเบอร์มือถือของตำรวจเจ้าของเรื่องตามใบแจ้งความ เพื่อที่จะแจ้งเลข IMEI เพิ่มไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจท่านนั้นก็รับสายขึ้นมาพร้อมกับอาการประมาณว่าไม่ว่าง ให้ผมโทรไปใหม่อีกทีในวันรุ่งขึ้น

วันถัดมาผมก็โทรไปหาตำรวจท่านนั้นอีกครั้งนึง พร้อมทั้งอ้างถึงคดีเรื่องโทรศัพท์มือถือหายเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา และอยากจะแจ้งเลข IMEI ให้เค้าบันทึกไว้ ก็ได้คำตอบเป็นน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ปฏิเสธมา และบอกว่าให้เอากล่องมาให้ดูที่ สน.ก่อน ผมก็รับทราบและบอกว่าไว้จะแวะไปหา

และหลังจากที่เครื่องถูกขโมยไปได้ประมาณ 1 อาทิตย์ โดยที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเอาไป ท่านแม่ของผมก็ร้อนใจ + แค้นใจพอสมควร เพราะว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยนั้นก็มีกันอยู่แค่ 6 คน นั่นคือเด็ก 4 คน, ผู้หญิงคนที่เป็นเจ้าของห้อง, และแฟนของเค้า แม่ผมจึงได้ไปถามคนทรงที่รับดูของหายที่ท่านรู้จักดูสองที่

ที่แรกให้ข้อมูลมาว่ามีเด็กสองคนร่วมมือกันขโมยพร้อมทั้งบรรยายลักษณะ ของเด็กสองคนที่เอาไปมา ซึ่งลักษณะที่บรรยายมาของเด็กคนนึงตรงกับเด็กคนที่ท่านแม่ผมเค้าสงสัยอยู่ พร้อมทั้งบอกว่าเครื่องน่ะโดนขายแบ่งเงินกันไปแล้ว

ที่สองก็ให้ข้อมูลตรงกับที่แรกเลยว่ามีเด็กสองคนร่วมมือกัน และบอกลักษณะของเด็กตรงกับที่แรก ต่างกันแค่เค้าบอกว่าเครื่องยังอยู่ ยังไม่ได้ขายไป

ส่วนตัวผมนั้นไม่เชื่อในเรื่องพวกนี้ก็เลยไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรกับเรื่องนี้มาก

จากนั้นเมื่อวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2552 หลังจากที่เครื่องหายมา 8 วันแล้ว และผมยังไม่สามารถติดตามตำแหน่งเครื่องได้เลย ผมกับแม่จึงไปที่ สน.กันอีกครั้ง พร้อมกล่อง iPhone 3G by True เครื่องที่หายไป และผัดไทประตูผีอีก 2 ห่อ เพื่อไปพบกับท่านสารวัตรเจ้าของคดี

ขอคั่นรายการก่อนนิดนึง จนถึงวันนี้ผมก็ยังสงสัยเรื่องการตามมือถือจาก IMEI ของทางตำรวจ ว่าขั้นตอนเค้าทำกันยังไง ที่ผมสงสัยมีดังนี้

  1. ทาง ตำรวจจะเป็นคนติดต่อประสานงานกับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อติดตามหาเครื่องที่หายจาก IMEI ที่เจ้าของได้แจ้งไว้
  2. เจ้า ของเครื่องต้องนำเลข IMEI ไปให้ตำรวจเพื่อออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเองรึเปล่า และถ้าเป็นเช่นนี้ ต้องออกหนังสือเท่าตามจำนวนเครือข่ายที่ให้บริการรึเปล่า เช่นถ้าโทรศัพท์ผมเป็นระบบ GSM ต้องให้ตำรวจออก 3 เล่มเพื่อยื่นให้กับ AIS DTAC และ TRUE หรือว่าต้องยื่นให้หน่วยงานอะไรที่จัดการด้านนี้โดยตรง?

ถ้าท่านใดพอจะมีความรู้ทางด้านนี้ รบกวนโพสบอกไว้เป็นความรู้หน่อยนะครับ ขอบคุณมากครับ

คั่นรายการจบแล้ว ผมขอเล่าต่อล่ะนะ เนื่องจากในนาทีนั้นถ้าผมจะหวังการตามเครื่องด้วย IMEI ล่ะก็ ผมคงตามจากข้อสงสัยแรกไม่ได้แน่นอน เพราะท่านตำรวจดูจะไม่สนใจคดีเอาซะเลย ผมก็เข้าใจนะว่ามันเป็นคดีที่เกิดขึ้นทุกวัน และบ่อยมาก แต่อย่างน้อยก็ให้กำลังใจกันก็ยังดี ไม่ต้องแสดงท่าทีเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัดก็ได้

ฉะนั้นผมจึงเลือกว่าทำตามข้อสงสัยที่ 2 น่าจะดีกว่า ถึงได้บุกไปถึงโรงพักเพื่อแจ้งเลข IMEI เพิ่มเติม และขอให้ตำรวจออกหนังสือเพื่อแจ้งยังผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือให้ โดยผมบอกว่าเดี๋ยวผมจะไปยื่นและดำเนินการเอง ตอนแรกผมบอกเค้าว่าอยากให้ออกให้ 3 เล่มสำหรับ 3 เครือข่ายเลย แต่ด้วยสีหน้าของเค้าแล้ว ผมขอเล่มเดียวก็ยังดี เลยให้ออกเป็นหนังสือแจ้ง True ออกมา

หลังจากที่ได้หนังสือมาแล้ว ผมกับแม่ก็ยกผัดไทประตูผีที่ซื้อมานั้นขึ้นมา และมอบให้กับท่านสารวัตรเป็นค่าเหนื่อยเล็กๆ น้อยๆ ท่านสารวัตรก็ยิ้มออกได้ในทันควัน

Categories
Find My iPhone iPhone

บทเสริม: ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 1

ก่อนเริ่มเรื่องผมขอเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมที่ถูกตัดไปในภาค 1-3 ก่อนเล็กน้อย เพื่อที่จะให้ท่านผู้อ่านได้อ่านต่อภาค 4 ได้โดยไม่งง ท่านใดที่ยังไม่เคยอ่านเลย แนะนำให้อ่านฉบับเต็มของแต่ละภาคก่อนที่จะอ่านบทเสริมนะครับ

ผมจะทยอยอัพเดทขึ้นมาให้อ่านนะครับ ได้อ่านจนจบแน่นอน พร้อมใจความที่ครบถ้วนสมบูรณ์ 95% ครับ (อีก 5% คือผมอาจหลงลืมไปบ้าง และอาจตัดบางส่วนออกเล็กน้อยครับ)

บทเสริมของตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 1

ผมจะขอเล่าเพิ่มตรงส่วนของคำให้การของทุกคนก่อนที่จะไปแจ้งความนะครับว่า ทั้ง 5 คน (ไม่รวมแฟนหนุ่มของเจ้าของห้อง) ให้การว่าอะไรบ้าง ผมจะแทนเด็ก 4 คนเป็น A B C D นะครับ ตรงนี้จะเล่าเท่าที่จำได้นะครับ

A: ผมไม่เห็นนะครับ ทำหล่นบนแท๊กซี่ขามารึเปล่า
B: โธ่ พี่ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น
C: ผมไม่ได้เอาไปเลยพี่ ผมสาบานได้
D: เงียบ.. ผมเลยถามไปตอนที่เรียกไปคุยทีละคนนะครับ “เอาไปรึเปล่า เอาไปก็รับมาแล้วจะไม่ว่าอะไร” ก็ได้รับคำตอบว่า “ไม่ได้เอาไปพี่”
พี่สาว: ไม่เห็นเลย นี่ก็ให้น้องๆ ช่วยกันหาทั่วห้องแล้วก็ไม่เจอ

ผมก็เลยถามน้องบลู น้องชายผมอีกทีให้แน่ๆ ว่าไม่ได้ลืมไว้ที่ไหนใช่มั๊ย น้องผมเค้าก็ตอบว่าไม่ได้ลืมแน่นอน เพราะว่าก่อนนอนยังเล่นอยู่เลย เล่นเสร็จก็วางไว้ที่หัวเตียง

พอน้องผมยืนยันหนักแน่นเช่นนี้แล้วผมจึงลองไล่ถามทุกคนดู ว่ามีใครเห็นน้องผมเล่นก่อนนอนบ้างมั๊ย ถ้าเล่นตอนก่อนนอนขณะที่ห้องปิดไฟมืดแล้ว ก็ต้องมีแสงจากโทรศัพท์แยงตาขณะเล่นแน่นอน ทุกคนก็ทำท่าคิดและก็มีคนนึงบอกมาว่า “เห็นตอนที่น้องผมเล่นก่อนนอน” ซึ่งคำตอบนี้เป็นการยืนยันว่าคนตอบนั้นเป็นพยานว่าโทรศัพท์ได้อยู่ในห้องนอน ก่อนที่จะหายจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับว่าเอาไปอยู่ดี

และเสริมอีกนิดสำหรับเหตุการณ์ในโรงพัก ทางตำรวจก็ได้ทำการขู่ผู้ต้องสงสัยทุกคนก่อนที่จะมีการลงบันทึกประจำวันว่า ให้สารภาพและเอาเครื่องคืนเจ้าของดีกว่า เพราะสมัยนี้ทางตำรวจสามารถตามมือถือจากเลข IMEI ได้ ซึ่งเป็นการขู่ซ้อนขู่ของผมอีกทีที่ว่าผมสามารถตามตำแหน่งเครื่องได้ แต่ก็ไม่เป็นผล

ระหว่างที่ก่อนจะแยกย้ายกันหลังจากที่ลงบันทึกประจำวันเสร็จ ผมก็ได้บอกกับตำรวจว่าเรื่องเลข IMEI เดี๋ยวผมโทรแจ้งทีหลังได้มั๊ย เพราะวันนี้ผมไม่ได้เอากล่องมาด้วย เค้าก็บอกว่าได้ แล้วก็ให้โทรมาตามเบอร์ในใบแจ้งความได้เลย ซึ่งเป็นเบอร์ของสารวัตรเจ้าของเรื่อง…