ในภาค 2 นี้เนื้อเรื่องก็จะยังไม่เข้มข้นนะครับ แต่ก็ต้องเล่าให้ละเอียด เพราะบางท่านคงชอบอ่านเรื่องเต็มๆ
ก่อนอ่านภาคนี้ ผมขออธิบายก่อนว่า Find My iPhone ทำงานยังไง และมีลูกเล่นยังไงบ้างนะครับ
- เช็คได้ว่าเครื่องที่เราตั้งเอาไว้นั้นเปิดหรือปิดเครื่องอยู่
- สามารถหาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ หากโทรศัพท์เครื่องนั้นเปิดอยู่
- สามารถส่งข้อความเข้าไปที่เครื่องได้ผ่านทางเวป โดยจะสามารถเลือกได้ว่าจะมีขึ้นข้อความพร้อมเสียง หรือจะให้มีแต่ข้อความอย่างเดียวไม่มีเสียงก็ได้ ตรงนี้ไม่เกี่ยงซิมนะครับ ขอให้แค่เปิดเครื่องและมีสัญญาณมือถือก็สามารถส่งเข้าไปได้ทันที
- จะมีระบบ E-mail เตือนกลับมายังเราว่าข้อความที่ถูกส่งไปในข้อ 3 นั้น ได้ถูกแสดงผลที่เครื่องแล้ว ฉะนั้นถึงแม้จะส่งไปตอนที่ปิดเครื่องอยู่ พอเครื่องเปิด และได้รับข้อความ เราก็จะทราบได้ทันทีเช่นกัน
- E-mail เตือนที่ว่านั้นจะส่งเข้ายัง E-mail ของ MobileMe ที่เราสมัครไว้ ซึ่งถ้าใช้งานบน iPhone มันจะเป็น Push Mail นั่นแปลว่าถ้ามีเมล์แจ้งเตือนเข้ามานั้น เราจะรู้ได้ทันที
- ข้อความที่ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ผ่านทาง Find My iPhone มีข้อเสียใหญ่ๆ คือ เมื่อกดปุ่ม Close หลังจากที่อ่านไปแล้ว จะทำให้ข้อความนั้นปิดไปและไม่มีทางจะอ่านได้อีกรอบ ฉะนั้นแม้เราจะส่งเบอร์เราเข้าไปให้โทรกลับ แต่ถ้าเค้ากดปิดไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้จดหรือจำเบอร์ของเรา เค้าก็จะดูเบอร์อีกครั้งไม่ได้ และก็จะโทรกลับไม่ถูก
- Find My iPhone จะไม่สามารถบอกเราได้ว่าซิมที่ใส่อยู่เป็นเบอร์อะไร ฉะนั้นเราจะไม่สามารถโทร หรือเอาเบอร์ไปสืบต่อได้ ทำได้แต่ส่งข้อความเข้าไป แล้วหวังให้เค้าติดต่อกลับมา
เรามาเริ่มภาค 2 กันต่อเลยละกันโดยผมเว้นช่วงมา 2 วันหลังจากวันเกิดเหตุ ด้วยความหวังว่าอาจจะมีเครื่องส่งกลับมาบ้านผมในรูปแบบพัสดุ แต่ก็เงียบสนิทไม่มีวี่แวว ผมจึงได้ส่งข้อความเข้าไปผ่านทาง MobileMe เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 เวลา 12.37 น. ว่า “เครื่องนี้เป็นเครื่องถูกขโมย กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx” หลังจากส่งเสร็จผมก็ไม่มีอะไรทำแล้ว นอกจากรอ โดยข้อความที่ผมส่งไปนี้ ผมหวังผลอยู่ 2 เรื่องคือ ถ้าเค้าเอาไปขายจริง และร้านเปิดมาเจอตอนเช็คเครื่อง ผมหวังว่าจะเจอร้านที่มีน้ำใจติดต่อกลับมา ส่วนอีกเรื่องคือผมจะได้สามารถเปิดเช็คตำแหน่งได้เมื่อมีการเปิดเครื่อง เพราะถ้ามีการเปิดเครื่อง และเครื่องได้ข้อความที่ผมส่งไปนั้น ผมก็จะรู้ทันทีจาก E-mail ที่ทางระบบจะส่งมาแจ้ง
จนเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 เวลา 17.21 น. ขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ออฟฟิศของแฟน ก็มีเสียง E-mail เข้าตามปกติ ผมก็เปิดเช็คดู แต่เมล์ฉบับนี้ทำให้ผมตื่นเต้นมาก มันเป็นเมล์จากทางระบบของ MobileMe นั่นเอง ผมรีบถามแฟนผมทันทีว่ามีคอมเครื่องไหนที่ว่างจะใช้งานได้บ้าง เพราะผมอยากจะเช็คตำแหน่งจะได้รู้ซักทีว่าเครื่องอยู่ที่ไหน หรือถ้าโชคดีจะได้รู้ว่าใครเอาไป พอผมได้คอมปุ๊บ ผมก็รีบเข้าเวปทันที แต่พอผมเข้าไปถึงหน้า Find My iPhone ก็พบว่าเครื่องดังกล่าว Offline ไปแล้ว ผมเสียดายมากๆ จึงได้ทำการส่งอีกข้อความเข้าไปทันทีตอนเวลา 17.34 น. ว่า “เครื่องนี้ถูกขโมยมา กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx ด่วนด้วยครับ”
จากนั้นก็เงียบสนิทมาหลายวัน จนผมนึกว่าคนที่ขโมยไปคงกลัวไม่กล้าเปิดเครื่อง พร้อมทั้งไม่กล้าส่งเครื่องคืนจนเอาเครื่องไปดองในไหปลาร้าที่ไหนแล้ว จนมาถึงวันที่ 7 กันยายน 2552 เวลา 11.53 น. ผมก็ได้รับเมล์จากทางระบบอีกครั้ง รอบนี้ผมอยู่หน้าคอมพอดี จึงรีบเข้าไปเวปเพื่อเช็คตำแหน่งโดยด่วนที่สุด หลังจากเข้าไปแล้วก็รอให้ทางระบบหาตำแหน่งอยู่นานหลายนาที จนสุดท้ายระบบก็หาตำแหน่งไม่เจอ พร้อมทั้งบอกว่าเครื่องได้ Offline ไปแล้ว รอบนี้ทำผมเซ็งเอามากทีเดียว ใจนึงก็แอบคิดว่าสงสัย MobileMe ตูจะพึ่งพาไม่ได้ซะแล้ว แต่ไอการที่จะให้เดาว่าใครเอาไป ก็ไม่มีหลักฐานพอเพียงให้สรุปอยู่ดี จึงได้ส่งข้อความเข้าไปอีกตอนเวลา 12.04 ว่า “เครื่องนี้ถูกขโมยมา กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx ด้วยครับ มีค่าตอบแทนให้ครับ” ตอนที่ส่งข้อความนี้นั้น ผมคิดว่ารอบหน้าที่เปิดเครื่องต้องเป็นร้านเปิดแน่ๆ แล้วก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น และขอให้ร้านติดต่อมา
อ่านแล้วเริ่มเบื่อกันรึยังครับ ตามเครื่องมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้เรื่องซักที แต่ขอจบภาค 2 ตรงนี้ก่อนนะครับ พักยกก่อน เมื่อยมือครับ
2 replies on “ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 2”
กู๊ดดดดด
สนุกครับ ต่อๆกำลังมัน