ก่อนอื่นขออนุญาตเกริ่นสั้นๆ เนื่องจากผมอยู่ในวงการนี้มาได้ซักระยะแล้ว เจอรูปแบบการโกงจากลูกค้า / อดีตลูกค้า / และคนไม่เคยเป็นลูกค้ามาสารพัด จึงได้ทำการรวบรวมกลโกงต่างๆ ที่ “พ่อค้าแม่ค้า” ออนไลน์มือใหม่ (และมือเก่าแต่ยังไม่รู้) ควรรู้ไว้เพื่อป้องกันตัวเองครับ
ณ วันที่เขียนนี้ (28/07/57) ผมนึกวิธีโกงที่เคยเจอมาได้ 4 รูปแบบ
วิธีโกงที่ 1: SMS ลวง
ปัจจุบันนี้ทางธนาคารต่างๆ มีบริการ SMS แจ้งเตือนยอดโอนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้โอนและผู้รับโอนสามารถแจ้งยอดเงินให้กันได้ทันทีโดยไม่ต้องไปคอยแจ้งยอดเช็คยอดให้เสียเวลา ซึ่งบริการนี้สะดวกมากจนมีคนหัวหมอนำเอาไปใช้ในทางไม่ดี โดยวิธีการของการโกงวิธีนี้จะมี 2 แบบ
แบบแรก “ว่าที่ลูกค้า” จะใช้เบอร์อะไรก็ไม่รู้ส่ง SMS แจ้งเตือนยอดโอนมาหาเราด้วยข้อความน่าเชื่อถือเหมือนระบบของธนาคารส่งมาเองยังไงยังงั้น แต่ถ้าดูให้ดีเห็นว่าชื่อผู้ส่ง SMS นี้จะเป็นชื่อแปลกๆ หรือเบอร์แปลกๆ จากนั้นซักพักท่าน “ว่าที่ลูกค้า” นี้ก็จะรีบติดต่อมาหา “พ่อค้าแม่ค้า” ทันทีว่าโอนแล้วนะ ให้รีบส่งของด่วน!!! ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็บอกตัวเองได้เลยว่าโดนของเข้าแล้ว
แบบสอง “ว่าที่ลูกค้า” ได้ทำการโอนเงินเรียบร้อยพร้อมให้ระบบของธนาคารส่ง SMS แจ้งเตือนมายัง “พ่อค้าแม่ค้า” ถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง ดูแล้วยอดเข้าแน่นอน ขายได้แล้ว แพ็คของเตรียมส่ง! แต่…เอ๊ะ มาสังเกตดูดีๆ เลขบัญชีที่อยู่ใน SMS มันของใครกันหนอ? ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้แปลว่าถ้า “ว่าที่ลูกค้า” ไม่ได้พลาดโอนผิดบัญชี ก็แปลว่าเจอพวกเนียนเข้าซะแล้ว แบบว่าทำเป็นโอนไปให้บัญชีญาติที่ไหนไม่รู้แล้วให้ธนาคารส่งข้อความมาหา “พ่อค้าแม่ค้า” หลอกให้ดีใจเล่นว่าเงินเข้า เผื่อได้ของไปฟรีๆ
วิธีป้องกัน หลังลูกค้าแจ้งโอนมาแล้ว ให้หมั่นตรวจสอบยอดเงินในบัญชีก่อนทำการส่งของทุกครั้ง เสียเวลานิด แต่ไม่ขาดทุนแน่นอน
วิธีโกงที่ 2: สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
กลโกงนี้เป็นกลโกงคลาสสิคที่…ชั่วช้ามาก เพราะหลายครั้งที่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว การโกงรูปแบบนี้จะประกอบด้วยตัวละคร 3 ฝ่าย “พ่อค้าแม่ค้า” “ว่าที่ลูกค้า” และ “คนซวย” (จริงๆ อยากจะเรียก “คนซวย” ว่าเหยื่อ แต่ “พ่อค้าแม่ค้า” ก็เป็นเหยื่อในกรณีนี้เหมือนกัน)
วิธีการนี้จะค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย จะขอค่อยๆ อธิบายเป็นข้อๆ เป็นลำดับไปนะครับ
- “พ่อค้าแม่ค้า” ประกาศขายสินค้าตามปกติ สมมุติว่าเป็น เสื้อยืดราคา 400 บาทละกัน
- “ว่าที่ลูกค้า” ผ่านมาพบเห็นเข้าเกิดความอยากได้ แต่ไม่อยากควักตัง
- “ว่าที่ลูกค้า” จึงไปทำการโพสขายของตามบอร์ดขายของต่างๆ โดยโพสขายอะไรซักอย่างที่ราคาถูกเหลือเชื่อ เพื่อให้ “คนซวย” มาติดกับไวๆ โดยราคาของที่ตั้งจะเท่ากันหรือมากกว่าราคาของที่ “ว่าที่ลูกค้า” อยากได้ พร้อมแจ้งรายละเอียดการติดต่อไว้เสร็จสรรพ ซึ่งส่วนใหญ่พวกนี้จะติดต่อผ่านทาง PM ของบอร์ดนั้นๆ หรือผ่านทาง LINE (เพราะไม่สามารถตามเบอร์ได้)
- หลังจาก “คนซวย” มาติดต่อขอซื้อแล้ว “ว่าที่ลูกค้า” ก็จะแจ้งรายละเอียดยอดที่ต้องโอนและ… เลขบัญชีธนาคารของ “พ่อค้าแม่ค้า”
- “คนซวย” ก็ดีใจว่างานนี้ได้ของถูก รีบจัดแจงโอนอย่างรวดเร็วแล้วก็มาแจ้ง “ว่าที่ลูกค้า” ว่าโอนแล้วนะครับ รบกวนส่งของมาด้วย ^_^
- “ว่าที่ลูกค้า” ก็ตอบรับไปพอเป็นพิธี แล้วก็รีบมาแจ้ง “พ่อค้าแม่ค้า” ทันทีว่า โอนแล้วนะครับ/คะ รีบส่งของมาด่วน!!!
- “พ่อค้าแม่ค้า” เห็นยอดเข้าปกติก็ส่งของไปให้ จบ…
- หลังจากนั้นไม่กี่วัน “คนซวย” ก็จะรู้ตัวว่าโดนหลอกโอนตังฟรีแล้วไม่ได้ของแน่นอน บางรายทำใจได้ก็เงียบหายไป บางรายก็ส่งข้อความไปด่าพ่อล่อแม่ “ว่าที่ลูกค้า” แต่ก็คงไม่มีประโยชน์เพราะโดนบล็อค บางรายฉลาดหน่อยก็เอาเลขบัญชีธนาคารที่ได้มาไปค้นใน Google ก็อาจโชคดีไปเจอกับเวป “พ่อค้าแม่ค้า” เข้า แล้วก็ติดต่อมาด่าต่อโดยที่ “พ่อค้าแม่ค้า” ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งสำหรับขั้นตอนการปฏิบัติหลังเจอปัญหานี้เดี๋ยวจะกล่าวกันต่อไป
วิธีป้องกัน สำหรับวิธีป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับกลโกงนี้ต้องบอกตรงๆ ว่าป้องกันยาก เพราะถึงแม้จะขอหลักฐานการโอนมาให้ดูให้อุ่นใจ แต่ “ว่าที่ลูกค้า” ก็อาจไปขอจาก “คนซวย” มาส่งให้ดูก็ได้ ฉะนั้นถ้าเห็นใครดูอาการเร่งๆ รีบๆ ผิดปกติ แนะนำให้ปฏิบัติกับเค้าแบบใจเย็น เผื่อโชคดีเจอ “คนซวย” ที่ไหวตัวเร็วติดต่อมา ก็อาจทำให้ไม่ต้องมีใครเสียหายได้
แต่ถ้าเหตุเกิดไปแล้วคือมีการส่งของไปเรียบร้อยแล้ว และมี “คนซวย” ติดต่อมา ก็แนะนำให้คุยกันดีๆ ค่อยๆ อธิบายรูปแบบการโกงกันให้เข้าใจก่อน แล้วก็รีบให้ “คนซวย” ไปแจ้งความให้เรียบร้อยเพราะเป็นผู้เสียหาย จากนั้น “พ่อค้าแม่ค้า” ก็ควรช่วยให้ข้อมูลเท่าที่มีให้มากที่สุดเพื่อให้เป็นเบาะแสในการตามจับ “ว่าที่ลูกค้า” รายนี้ให้ได้
ข้อมูลที่พอจะมีได้เบื้องต้นก็ได้แก่เบอร์โทรที่ใช้ในการติดต่อกัน หรือ ชื่อ ที่อยู่ในการจัดส่งของ หรือถ้า “พ่อค้าแม่ค้า” มีหน้าเวปให้สั่งซื้อ ก็อาจมีข้อมูล IP Address เอาไว้ใช้ตามตัวได้ (แต่ถ้าสั่งซื้อกันผ่านทาง Facebook หรือ LINE จะไม่มีข้อมูลอะไรให้ตาม นอกจากชื่อ ที่อยู่ที่ใช้ในการจัดส่งอย่างเดียว)
ส่วนเรื่องเงินของ “คนซวย” ที่ “พ่อค้าแม่ค้า” ได้รับมา แนะนำให้อย่าเพิ่งรีบคืนโดยเฉพาะถ้าเป็นสินค้าที่มูลค่าสูง เพราะถ้าคืนไว “คนซวย” เค้าก็ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องตาม “ว่าที่ลูกค้า” คนนี้ต่อ หรือดีไม่ดีอาจเป็นแผนซ้อนแผน “คนซวย” กับ “ว่าที่ลูกค้า” อาจเป็นคนเดียวกันก็ได้ ฉะนั้นแนะนำให้แก้ปัญหานี้ตามกระบวนการยุติธรรมดีกว่า
วิธีโกงที่ 3: โอนผิดอ่ะ
อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีโกงที่เจอกันแอบบ่อย ซึ่งส่วนใหญ่คนที่โดนมักจะเป็น “พ่อค้าแม่ค้า” ที่มีชื่อเสียงนิดนึง เพราะถ้าเป็น “พ่อค้าแม่ค้า” ที่มีชื่อเสียงแล้ว มักมีจรรยาบรรณสูงส่งว่าชั้นไม่โกงลูกค้าแน่นอน เงินโอนผิดแค่นี้จิ๊บจ๊อยมาก ชั้นโอนคืนแน่นอน…
วิธีโกงแบบนี้จะคล้ายๆ กับวิธีที่ 2 ที่ได้แนะนำกันไปแล้ว (แนะนำให้อ่านวิธีที่ 2 ก่อนอ่านอันนี้) แต่ต่างกันเล็กน้อยตรงที่หลัก “คนซวย” โอนเงินมาแล้ว “ว่าที่ลูกค้า” จะแจ้งมายัง “พ่อค้าแม่ค้า” ว่าเมื่อกี้โอนเงินผิดอ่ะเตง ช่วยโอนคืนให้หน่อยนะ เลขบัญชีนี้ๆๆๆ ขอบคุณมากเบย
ซึ่งโดยปกติของคนดี เมื่อเจอกรณีแบบนี้ก็จะรีบโอนเงินคืนกลับไปให้ทันที เพราะมันเป็นลาภที่มิพึงได้ แต่… ก่อนโอนคืนอยากให้ตรวจสอบตามวิธีป้องกันนี้กันก่อนซักเล็กน้อย
วิธีป้องกัน เมื่อพบเหตุการณ์แบบนี้ อันดับแรกเลยคือควรขอหลักฐานการโอนจาก “ว่าที่ลูกค้า” มาดูก่อน แล้วเปรียบเทียบกับเลขบัญชีที่เค้าแจ้งมาให้โอนคืนว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกันก็โอเค เป็นการโอนผิดจริงๆ แต่ถ้าไม่ตรงกัน ให้ตอบกลับไปเลยว่า “พ่อค้าแม่ค้า” จะโอนเงินคืนไปยังบัญชีที่โอนเงินเข้ามานี้เท่านั้น หรือถ้าให้โอนบัญชีอื่น รบกวนส่งหลักฐานมาว่าเจ้าของบัญชีทั้งสองอันเป็นคนเดียวกัน
ถ้า “ว่าที่ลูกค้า” สามารถส่งหลักฐานมาพิสูจน์ให้ “พ่อค้าแม่ค้า” สบายใจได้ ก็ค่อยโอนคืน แต่ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ ให้เรายังไม่ต้องรีบโอนคืน แล้วรอ “ว่าที่ลูกค้า” ไปแจ้งความ (ถ้าเค้าโกงเค้าคงไม่กล้าแจ้ง) หรือถ้าโชคดีก็อาจมี “คนซวย” เจ้าของเงินตัวจริงติดต่อมา เราจะได้คืนเงินได้ถูกคน หรือถ้าไม่ติดต่อมาเลย ก็อย่าลืมเอาเงินนี้ไปทำบุญบ้างอะไรบ้างเพื่อให้เจ้าของเงินเค้าได้บุญกันนะครับ
วิธีโกงที่ 4: น้องพลับขอสอง
สำหรับวิธีนี้ก็มักเกิดจาก “ลูกค้า” เนียนโดยตั้งใจ (หรืออาจไม่ตั้งใจ) โดยวิธีการง่ายๆ คือหลังจากซื้อขายกันปกติแล้ว “พ่อค้าแม่ค้า” ส่งของไปเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปหลายวัน “ลูกค้า” ท่านนี้ก็ติดต่อมาว่ายังไม่ได้ของ!! คือกรณีแบบนี้อาจเกิดจากยังไม่ได้ของจริงเพราะส่งไม่ถึง หรือคนอื่นรับไปแต่ไม่รู้ หรืออาจจะได้ของแล้วแต่อยากได้อีกอันก็มาตีเนียนได้
วิธีป้องกัน การส่งของทุกครั้งแนะนำให้ส่งแบบ ลงทะเบียน หรือ EMS เพราะสามารถตรวจสอบสถานะของการส่งได้ อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าใครเซ็นรับของไป ฉะนั้นยอมเสียค่าส่งแพงอีกนิดดีกว่า ดีกว่าเสียของฟรีๆ นะ
สรุป
สำหรับ “พ่อค้าแม่ค้า” ท่านใดที่เคยประสบวิธีโกงนอกเหนือจากนี้ก็เขียนเมลมาเล่าสู่กันฟังได้ที่ “bankja แอต me.com” นะครับ จะได้นำมาอัพเดทลงในเวปให้เป็นประโยชน์กับ “พ่อค้าแม่ค้า” ท่านอื่นต่อไป
ถ้าท่านใดโดนโกงไปแล้วอยากหาคนปรึกษา ขอบอกเลยว่าผมไม่รับปรึกษานะครับ แต่ถ้าอยากส่งมาปรึกษาก็ไม่ว่ากัน ส่วนผมจะตอบหรือไม่อันนี้ขอดูเป็นกรณีไป ฉะนั้นห้ามว่ากันถ้าไม่ตอบเมลนะครับ
เดี๋ยวไว้รอว่างมากๆ อีกรอบจะเขียนรูปแบบการโกงที่ “ลูกค้า” ต้องรู้มาให้อ่านกันอีกทีครับ