Categories
iTunes Gift Card Mac

เตรียมพร้อมสู่การอัพเดท Mac OS X Lion

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการเปิดให้อัพเดท Mac OS เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด 10.7 Lion นะครับ ซึ่งอัพเดทครั้งนี้เป็นอัพเดทใหญ่สำหรับชาว Mac ทุกท่านที่ทำให้เครื่อง Mac ของท่านเพิ่มลูกเล่นต่างๆ ขึ้นมามากมาย ครับ

แต่อัพเดทครั้งนี้ก็มีจุดนึงที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงอยู่เรื่องนึงด้วย นั่นคือ Lion นั้นจะไม่มีการวางขายกล่อง DVD สำหรับนำมาอัพเดทเหมือนครั้งก่อนๆ แต่จะขายผ่านทาง Mac App Store อย่างเดียวเท่านั้น! โดยราคาจะอยู่ที่ $29.99 ครับ

ซึ่งแปลว่าการอัพเดทครั้งนี้ต้องทำออนไลน์ผ่านทาง Mac App Store เท่านั้น และผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตก็จะไม่สามารถทำการอัพเดทได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีทางเลือกอยู่สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตและต้องการอัพเดทนะครับ นั่นคือท่านสามารถใช้ iTunes Gift Card เพื่อซื้ออัพเดท Lion นี้ได้ครับ

หลักการของ iTunes Gift Card นั้นจะเหมือนกับบัตรเติมเงินโทรศัพท์ครับ ท่านสามารถซื้อและนำไปเติมเข้ากับ Apple ID ของท่าน (Account เดียวกันกับที่เอาไว้โหลดแอพ iPhone/iPad นั่นแหล่ะครับ) แล้วจากนั้นท่านก็สามารถใช้ยอดเงินที่เติมเข้าไปซื้อแอพใน Mac App Store ได้ทันทีรวมถึงการอัพเดท Lion ด้วยครับ

iTunes Gift Card

หากท่านใดที่สนใจจะอัพเดท Lion แต่ไม่มีบัตรเครดิต ผมก็ขอเสนอบริการทางเลือกของผมนั่นคือ bankja.net iTunes Gift Card เอาไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ สำหรับรายละเอียดการสั่งซื้อนั้นสามารถดูได้ที่ http://bankja.net/itunes เลยครับ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ 🙂

@Bankja

Categories
iPad iPhone

ขายบัตร iTunes Gift Card พร้อมวิธีการใช้งาน

มั่นใจได้กับบริการ iTunes Gift Card ที่ได้รับความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในประเทศไทย

คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดวิธีการสั่งซื้อเพิ่มเติม

ก่อนที่จะเติมเงินเข้า iTunes Account นั้น ท่านต้องมี 3 อย่างก่อนดังนี้

  1. โปรแกรม iTunes ในคอมของท่าน ถ้าไม่มีก็สามารถดาวน์โหลดได้ที่เวปของ Apple เลยครับ
  2. iTunes Account สำหรับกรณีนี้เราแนะนำให้เป็นของ US นะครับ วิธีการสมัคร
  3. iTunes Gift Card Code จะเป็นคล้ายๆ บัตรเติมเงินโทรศัพท์ครับ แค่ขูดแล้วเอา Code มาใส่ก็พอ สามารถสั่งซื้อที่ได้ http://bankja.net/itunes ครับ

หน้าตาตัวอย่าง Gift Card ครับ รหัสที่จะใช้เติมให้ขูดตรงที่ศรชี้

เมื่อมีครบแล้วก็เริ่มขั้นตอนได้ตามด้านล่างเลยครับ (รูปทุกรูปสามารถคลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่ได้)

1. Login เข้าใน US iTunes Store ให้เรียบร้อยก่อน

2. กดเลือก Redeem โดยจะสามารถกดได้ที่บริเวณด้านขวาของหน้า หรือ เอาเมาส์เลื่อนไปที่มุมขวาบนที่เป็น Account ของเรา ก็จะพบลูกศรสามเหลี่ยมสีขาวๆ โผล่ขึ้นมา ให้คลิกที่ลูกศร แล้วจะมีเมนู Redeem โผล่ขึ้นมาให้เลือก

3. เมื่อเข้าไปในส่วนของ Redeem แล้ว ก็จะพบกับช่องให้ใส่ Redeem Code ตามภาพด้านล่าง ให้เราใส่ Code ที่ได้มาลงไปแล้วคลิกปุ่ม Redeem เลย (ตรงนี้ขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึงว่าการซื้อ iTunes Gift Card นั้น ไม่จำเป็นต้องซื้อเป็นการ์ดแล้วมาขูดเองก็ได้นะครับ อาจจะเอามาแค่ Code ที่ถูกต้อง แล้วเอามาใส่ก็ได้เหมือนกัน)

4. เมื่อคลิกที่ปุ่ม Redeem แล้ว iTunes ก็จะเด้งขึ้นมาถาม Username กับ Password ของท่านเพื่อยืนยันการเติมเงินครับ ก็ให้กรอกให้เรียบร้อย แล้วคลิกที่ปุ่ม Redeem ครับ

5. เมื่อเติมเงินสำเร็จ iTunes ก็จะแจ้งให้เราทราบว่า “You have successfully redeemed your iTunes Card” พร้อมทั้งบอกจำนวนเงินที่เติมเข้าไปอยู่ทางด้านล่าง สำหรับภาพตัวอย่างด้านล่างคือเติมเข้าไป $10 ครับ พอเติมเงินสำเร็จ จำนวนเงินถูกต้อง ก็ให้คลิกที่ปุ่ม Shop เพื่อไปเลือกซื้อ App / เพลง / หนัง ที่ต้องการได้เลยครับ

6. ท่านจะสามารถสังเกตยอดเงินคงเหลือได้ที่บริเวณด้านขวาบน ข้างๆ Email ของท่านครับ

สำหรับท่านที่ต้องการสั่งซื้อ iTunes Gift Card สามารถสั่งกับผมได้นะครับ รายละเอียดตามไปที่หน้า http://bankja.net/itunes ได้เลยครับ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ 🙂

@Bankja

Categories
iPad iPhone

วิธีสมัคร US iTunes Account แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต หรือ iTunes Gift Card

แจก iPad 2 ฉลองเปิดเวปใหม่ คลิกเพื่ออ่านกติกา

เห็นกระแส iPad มาแรง และ App กับนิตยสารดีๆ ส่วนใหญ่ก็จะขายอยู่ใน US iTunes Store กันซะเยอะ ผมก็เลยคิดว่าหลายๆ คนคงจะมีความสนใจใน Content ที่ขายอยู่ใน US iTunes Store กันไม่น้อย ก็เลยทำวิธีสมัคร iTunes Account หรือ Apple ID แบบละเอียดสุดๆ มาให้ครับ เริ่มกันเลยตามขั้นตอนตามด้านล่างเลยนะครับ (รูปทุกรูปสามารถคลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่ได้)

สำหรับท่านที่ยังไม่มีโปรแกรม iTunes สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ http://www.apple.com/itunes/download เลยนะครับ

ท่านที่ต้องการซื้อแอพแต่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถใช้ iTunes Gift Card ได้นะครับ
คลิกเพื่อดูรายละเอียดได้เลยครับผม

1. เปิดเข้าโปรแกรม iTunes หากยังไม่มี iTunes สามารถดาวน์โหลดได้ที่เวปของ Apple ครับ พอโหลดเสร็จแล้วก็ลงให้เรียบร้อยแล้วก็เปิดเข้าได้เลย

2. พอเปิด iTunes ขึ้นมาแล้ว ให้กดเลือก iTunes Store ด้านซ้ายมือ

3. เลือกประเทศให้เป็น US (United States) โดยเลื่อนลงไปด้านล่างสุด ตรงมุมขวาล่างจะเห็นธงชาติ ถ้าไม่ใช่ธงชาติ US เหมือนในรูป ให้เอาเมาส์คลิกที่ธงชาติเพื่อทำการเปลี่ยนประเทศ

4. เมื่อคลิกที่ธงชาติแล้ว iTunes ก็จะขึ้นธงมากมายมาให้เราเลือก

5. เลื่อนลงไปด้านล่างจะเห็นธงชาติ US เขียนว่า United States ให้คลิกเลยครับ

6. เมื่อเลือกประเทศเป็น US แล้ว iTunes จะกลับมายังหน้าหลักของ iTunes Store ให้เราเลือก App Store ด้านบน

7. เมื่อเข้ามาใน App Store แล้ว จะเห็น App สำหรับ iPhone / iPad มากมายให้โหลด ตอนนี้เรายังไม่ต้องสนใจมัน เดี๋ยวสมัครให้เสร็จก่อน แล้วค่อยโหลดนะครับ

8. สังเกตุที่ด้านขวาไว้ แล้วให้เลื่อนลงไปด้านล่างนิดนึง จะพบกับส่วนของ Free Apps พอเจอแล้วให้เลือกโหลดตัวไหนก็ได้ที่ฟรีซัก 1 ตัว โดยคลิกที่คำว่า Free ด้านขวามือของ App ที่เลือก (ตรงนี้สำคัญมากนะครับ ต้องเลือกตัวที่ฟรีเท่านั้น ถ้าเลือกตัวที่ไม่ฟรี ตอนสมัครจะโดนบังคับให้ใส่บัตรเครดิตครับ)

9. เมื่อคลิกแล้ว iTunes จะเด้งหน้าต่างขึ้นมาให้สมัคร iTunes Account หรือ Login เพื่อดาวน์โหลดในกรณีที่มี Account อยู่แล้ว ให้คลิกที่ Create New Account ครับ

10. พอคลิกแล้ว ก็จะพบกับหน้า Welcome to the iTunes Store ให้คลิกที่ Continue เลย

11. ต่อมาจะเป็นหน้า iTunes Store Terms & Conditions ให้ติ๊กถูกที่กล่องด้านล่าง แล้วคลิก Continue ครับ

12. หน้านี้จะให้เราสมัคร US iTunes Account ให้กรอกรายละเอียดต่างๆ ตามช่องให้ครบถ้วน โดย iTunes Account นี้จะใช้ Email ของเราเป็น Username ส่วน Password ก็ตั้งเอาตามสะดวกของแต่ละท่านเลยครับ พอเสร็จแล้วให้คลิก Continue (Email ตรงนี้ต้องเป็น Email ที่มีอยู่จริงนะครับ เพราะต้องใช้ในการยืนยันด้วย)

อัพเดทวันที่ 21/09/10 ตอนนี้เรื่องการตั้ง Password Apple ID นั้นต้องมีความยาวอย่างต่ำ 8 ตัวอักษร และต้องประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่ และตัวเลขปนกันครับ เช่น Asdf1234 หรือ AntBird3 ครับ

13. หน้าถัดมาจะให้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงิน ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของเรา (เป็นชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ปลอมได้ แต่ที่อยู่ต้องเป็นที่อยู่ที่มีอยู่จริงใน US)

14. ด้านบนเลือกเป็น None แล้วกรอกรายละเอียดชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ลงไป แล้วคลิก Continue (สำหรับที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ให้ลอกตามในรูปไปได้เลยครับ ใช้ซ้ำกันได้ ไม่ต้องห่วง ผมคอนเฟิร์ม) รูปกดขยายใหญ่ได้นะครับ
หรือใส่ตามนี้ได้เลยครับ

  • Address : 1 Infinite Loop
  • City : Cupertino
  • State : CA – California
  • Zip : 95014
  • Phone : 123 4567890

15. เมื่อถึงหน้านี้ก็เป็นอันเสร็จวิธีการสมัคร ก็จะเหลือขั้นตอนอีกเล็กน้อยก่อนที่จะใช้งานได้ นั่นคือการยืนยัน Email ว่าถูกต้อง ให้เราคลิก Done แล้วก็ไปเปิดเช็ค Email ที่ใช้ในการสมัครเมื่อตะกี้ไว้เลย

16. สำหรับตรงนี้อาจจะต้องใช้เวลาซักพักกว่าเมล์จะส่งเข้ามา บางคนอาจจะได้เลย หรือบางคนอาจต้องรอหลายชั่วโมงก็มีครับ โดยตัวอย่างเมล์จะเหมือนในภาพด้านล่าง ให้ทำการคลิกที่ Verify Now ที่ผมวงสีแดงเอาไว้เลย

17. เมื่อคลิกที่ลิงค์แล้วก็จะเปิดเวปหน้าต่างเหมือนภาพด้านล่างขึ้นมา ให้เราใส่ Username กับ Password ซึ่ง Username กับ Password ก็คือ Email กับ Password ที่เรากรอกไว้เมื่อในขั้นตอนที่ 12 นั่นเอง เมื่อกรอกเรียบร้อยแล้วก็ให้คลิก Verify Address

18. พอ Verify Address เรียบร้อย ก็จะพบข้อความว่า Email address verified. ให้คลิกปุ่ม Return to the Store เพื่อกลับสู่ iTunes

19. หลังจากกับมาที่ iTunes แล้ว ให้รอมันโหลดซักพัก ก็จะพบกับหน้า Congratulations ตามภาพ เป็นการยืนยันว่าการสมัครเสร็จเรียบร้อย ท่านสามารถใช้ Account ของท่านเพื่อโหลดแอพต่างๆ ได้ทันที ให้คลิกที่ Done เพื่อเข้าสู่โลกของ US iTunes Store ได้เลยครับ

20. เมื่อเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว iTunes จะกลับมายังหน้าหลักของ US iTunes Store ให้สังเกตุที่มุมขวาบนจะเห็น Email ของท่านอยู่ ถ้าเห็นก็แปลว่าทุกอย่างเรียบร้อยครับ

21. เสริมเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ได้สมัครโดยใช้คอมตัวเอง ท่านต้องทำการ Authorize Computer ก่อน มิฉะนั้นท่านจะไม่สามารถนำ App ต่างๆ ลงไปใน iPhone / iPad ของท่านได้ โดยวิธีการคือ ให้เลือก Store ที่แถบ Menu Bar ด้านบน แล้วเลือก Authorize Computer

22. เมื่อเลือก Authorize Computer แล้ว iTunes จะให้ท่านใส่ Username กับ Password ก็ให้ใส่เหมือนกับในข้อ 17 เลย เมื่อเสร็จแล้วก็คลิกที่ Authorize

23. หลังจาก Authorize แล้ว iTunes จะแจ้งขึ้นมาว่า Authorize สำเร็จหรือไม่ โดยถ้าสำเร็จก็ขึ้นมาว่า “Computer Authorization was successful.หรือThis computer is already authorized.” อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่กรณี ซึ่งถ้าขึ้นตามนี้ก็แปลว่าสำเร็จเสร็จสิ้นทุกอย่าง

กรณีที่ท่านต้องการจะซื้อแอพที่ไม่ฟรี แล้วไม่มีบัตรเครดิต ก็สามารถใช้ iTunes Gift Card ซื้อแทนได้นะครับ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ http://bankja.net/itunes ขอบคุณมากครับผม ^_^

@Bankja

Categories
Find My iPhone iPhone

การใช้งาน Find My iPhone

มาแล้วครับ สำหรับบทความการใช้งาน Find My iPhone ที่หลายๆ ท่านสงสัย ว่าต้องทำยังไงถึงจะใช้งานระบบนี้ได้ และมันเสียเงินหรือไม่? ขอตอบตรงนี้ก่อนเลยว่าเสียเงินครับ ส่วนเสียเท่าไหร่นั้น เดี๋ยวว่ากันข้างล่างสุดนะครับ

mobileme

Find My iPhone นั้นเป็นบริการย่อยที่อยู่ในบริการ MobileMe ของ Apple นะครับ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับ MobileMe นั้นผมจะไม่ขอพูดถึงนะครับ ผมจะพูดถึงแค่การใช้งาน Find My iPhone อย่างเดียว (สำหรับ MobileMe ดูรายละเอียดที่ http://www.apple.com/mobileme มี Free Trial 60 ด้วยนะ!)

find-my-iphone-for-lost-or-stolen-iphones

การจะใช้ Find My iPhone ได้นั้น เราต้องทำการเพิ่ม Account ของ MobileMe เข้าไปใน iPhone ของเราก่อน และ iPhone ที่จะใช้งานได้นั้นต้องมีการเชื่อมต่อกับ Internet อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นถ้าใครจะใช้งานจุดนี้ รบกวนอย่าตั้งปิด EDGE/3G และตรวจสอบโปรโมชั่นของท่านก่อนด้วย ห้ามใช้แบบที่นับเป็นชั่วโมงเด็ดขาด (AIS ดูหน้านี้ครับ ส่วน DTAC กับ TRUE ต้องแบบ Unlimited เท่านั้น) และแม้จะมีการเปลี่ยนซิมที่ใช้งานแล้ว ก็จะยังใช้งาน Find My iPhone ได้อยู่ดีเพราะมันก็จะใช้ซิมใหม่นี้ทำการเชื่อมต่อ Internet ครับ

img_0334

พอเสร็จเรียบร้อย เราก็เข้าไปทำการเปิด Find My iPhone ซึ่งจะอยู่ในส่วนของ Mail Settings ซะ

img_0333

หลังจากเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว เครื่อง iPhone ของเราก็พร้อมที่จะบอกตำแหน่งเมื่อเราต้องการดูได้แล้ว เพียงแต่ว่าถ้า เป็น iPhone Classic นั้นจะไม่สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำเท่า 3G หรือ 3GS นะครับ เนื่องจากในตัว Classic นั้นใช้การหาตำแหน่งจากการคำนวณระยะห่างของเสาสัญญาณมือถือ (Triangular อะไรซักอย่าง) ซึ่งจะไม่แม่นยำเท่าการใช้ชิพ GPS ในการระบุตำแหน่งครับ แต่ถ้า 3G หรือ 3GS อยู่ในอาคารหรือสถานที่ๆ ตัว iPhone ไม่สามารถจับสัญญาณ GPS ได้ มันก็จะใช้การคำนวณตำแหน่งจากเสาสัญญาณมือถือแทนเหมือนกันครับ

เวลาที่เราต้องการจะใช้งาน Find My iPhone ก่อนอื่นเราก็ล็อคอินเข้าไปในเวปของ MobileMe ที่ http://www.me.com ก่อน หลังจากเข้าไปแล้ว ด้านซ้ายบนจะมีเมนูต่างๆ ให้เลือกมากมาย ซึ่งผมก็จะไม่อธิบายอะไรตรงนี้มากเช่นกัน

screen-shot-2009-10-01-at-01-03-41
Mail – Contacts – Calendar – Photo – iDisk – Settings

Find My iPhone นี้จะอยู่ในส่วนของ Settings ครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-04-12

พอกดเข้าไปแล้วก็จะขึ้นหน้าตาประมาณภาพด้านล่างนี้ครับ * ขอเสริมหน่อยว่า MobileMe 1 Account สามารถตั้ง Find My iPhone ได้หลายเครื่องนะครับ แต่ไม่ทราบว่ามีจำกัดไว้กี่เครื่องรึเปล่า ถ้าใครมีข้อมูลรบกวนบอกกันหน่อยนะครับ ส่วนของผมตั้งอยู่ 3 เครื่องครับ *

screen-shot-2009-10-01-at-01-05-03

จากภาพนี่มัน บอกว่าเครื่องผมปิด และหาตำแหน่งไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วเครื่องเปิดอยู่นะครับ สงสัยมันจะเอ๋อกันนิดหน่อย แต่หลังจากถ่ายภาพนี้ได้ไม่นาน แล้วลอง Refresh ใหม่ เครื่องก็กลับมาออนไลน์ปกติครับ แต่ที่เอาภาพนี้มาให้ดูเพื่อจะบอกว่าบางที Find My iPhone มันก็มีเอ๋อกันได้บ้างครับ

ปุ่มหลักๆ ที่กดใช้งานได้จะมีอยู่ 3 ปุ่มคือ

1. Update Location – ปุ่มนี้ก็ตรงตัวครับ เผื่ออยากจะอัพเดทตำแหน่งให้ปัจจุบันมากขึ้นกว่าที่มันแสดงอยู่ ซึ่งปุ่มนี้ต้องใช้เวลาซักพักถึงจะกดได้นะครับ ประมาณว่ารอมันหาจนเสร็จก่อนรอบนึง แล้วเราถึงจะกดได้

2. Display a Message – อันนี้เอาไว้ส่งข้อความเข้าไปในเครื่องครับ โดยจะสามารถเลือกได้ว่าจะแสดงข้อความอย่างเดียว หรือแสดงพร้อมมีเสียงเตือนด้วย

screen-shot-2009-10-01-at-01-09-56

หลังจากส่งเข้าไปแล้ว ถ้าเครื่อง iPhone ได้รับข้อความ ก็จะแสดงผลตามภาพนี้ (ปิด Wifi อยู่นะ)

img_0331

และถึงแม้จะ Slide to Unlock เข้าไปแล้ว ข้อความก็จะยังไม่หายทันที จะยังแสดงผลอยู่ต่อจนกว่าจะกด Ok ซึ่งพอกดแล้วข้อความก็จะหายวับไปทันที ไม่มีทางที่จะให้คนที่ใช้เครื่องอยู่ตอนนั้นสามารถเปิดดูซ้ำได้อีก ฉะนั้นถ้าส่งเบอร์เข้าไปแล้วเค้ากด Ok ไปก่อนที่จะจดหรือจำเบอร์ได้ มันก็จะหายไปทันที (อาจจะต้องส่งหลายรอบหน่อย ก่อนที่เค้าจะจับเคล็ดได้)

img_0332

และหลังจากที่ iPhone ได้รับข้อความนี้แล้ว ทาง MobileMe ก็จะส่ง E-Mail เข้าไปที่ [email protected] ของเราทันทีเพื่อยืนยันการรับข้อความ โดยเมล์ที่ส่งจะส่งมาหน้าตาแบบนี้ครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-11-36

3. Remote Wipe – เป็นปุ่มสั่งลบข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในเครื่อง รวมทั้งค่า Settings ต่างๆ ด้วย โดยเครื่องจะกลายเป็นเหมือนเครื่องใหม่แกะกล่องเลย ไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่สามารถใช้ Find My iPhone ตามได้อีกต่อไป เอาไว้สำหรับคนที่มีข้อมูลสำคัญและไม่อยากให้รั่วไหลไปครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-14-48
(เวรกรรม กดผิดเครื่อง ไปกดเครื่องแฟนเฉย แต่ก็ยังดีที่มันยังไม่ได้ลบไป สยอง!!)

แต่สำหรับ Firmware 3.1 ขึ้นไป จะมีปุ่มใหม่เพิ่มขึ้นมานั่นคือ Remote Lock พอกดแล้วก็จะขึ้นหน้าต่างให้เราตั้งรหัสที่จะใช้เพื่อปลดล็อคเครื่องครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-05-23

screen-shot-2009-10-01-at-01-19-26

ก็คงจะจบการ อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Find My iPhone เพียงเท่านี้ ไม่รู้ว่าละเอียดมากไป หรือน้อยไปยังไงก็บอกกันได้นะครับ จะได้นำไปปรับปรุงในครั้งหน้า

ทีนี้ก็มาถึง เรื่องของราคาจะมีให้เลือก 2 แบบคือแบบ Individual และ Family Pack โดยทั้ง 2 แบบนี้จะจ่ายเป็นรายปีทั้งคู่นะครับ ใครอยากทดลองก็เข้าไปสมัคร Free Trial 60 วันก่อนก็ได้ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเสียเงินกับมันดีมั๊ยอีกทีครับ

  1. Individual – เป็นการสมัครใช้งานคนเดียวราคาอยู่ที่ $99/ปี จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลให้รวมทั้งหมด 20GB
  2. Family Pack – อันนี้เป็นแบบที่ผมใช้อยู่ครับ ใน Pack นี้จะมี Individual + 4 Members โดย 4 Members นี้จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลคนละ 5GB ครับ ราคาอยู่ที่ $149/ปี ถ้าลงขันกันซื้อก็ตกคนละประมาณ 1,000 บาท/ปี ครับ

รายละเอียดส่วนราคาตรงนี้ดูเพิ่มได้ที่ http://www.apple.com/mobileme/pricing ครับ

แต่ ถ้าท่านหาใน Google ดีๆ ผมเห็นมีตัวแทนจำหน่าย (อย่างไม่เป็นทางการ) ในไทยที่ขาย Family Member อยู่ที่ประมาณ 850 บาท/ปี ครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าคุ้มนะครับได้ทั้ง Push Mail, Push Contacts, Push Calendar และอื่นๆ อีกนิดหน่อย

เอวัง…