Categories
Mac

Mac Tip: ทำให้แมค Mount / Unmount External HDD อัตโนมัติตอน Sleep กันเถอะ

หายไปนานกับการโพสเคล็ดลับหรือเทคนิคการใช้งานต่างๆ นะครับ เนื่องจากช่วงนี้ติดภารกิจหลายๆ อย่าง เลยไม่ค่อยได้มีเวลาทดลองอะไรใหม่ๆ ครับ

บังเอิญช่วงนี้ผมไอเจ้า MacBook Air คู่ใจผมมันเริ่มที่จะเก็บข้อมูลผมไม่พอแล้วเพราะว่าขนาด Harddisk ของมันมีแค่ 128 GB เท่านั้น ฉะนั้นเวลาผมอยู่บ้านก็เลยเริ่มเอา External Harddisk ของเก่าที่เก็บไว้มาปัดฝุ่นใช้กับเจ้า MacBook Air คู่ใจเพื่อเป็นพื้นที่ในการเก็บสำรองข้อมูลเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่องของรูปภาพครับ

ซึ่งสำหรับคนใช้แมคแล้ว พอไม่ใช้เครื่อง หรือใช้เครื่องเสร็จ ก็คงพับฝาเพื่อให้มันเข้าสู่โหมด Sleep ไปตามปกติใช่มั๊ยครับ ทีนี้ปัญหามันมีอยู่ว่าหลังจากพับฝาไปแล้วเนี่ย ตอนที่ผมต้องการจะหยิบเจ้า MacBook Air ใส่กระเป๋าเพื่อออกไปทำงานนอกบ้าน ถ้าเป็นปกติผมก็ถอดปลั๊กแล้วก็หยิบไปได้เลย แต่ตอนนี้มันทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะว่ามี External HDD เสียบอยู่ ถ้าจะหยิบไปก็ต้องเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วก็ทำการ Unmount หรือ Eject ให้เรียบร้อยก่อนเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล แล้วถึงจะถอดสายต่างๆ ออกเพื่อหยิบเครื่องใส่กระเป๋าได้

เมื่อวานนี้ผมจึงเริ่มเกิดไอเดียขี้เกียจ แล้วก็ตั้งคำถามขึ้นมาว่า “มีวิธีที่ทำให้มัน Eject ออกเองตอนเครื่อง Sleep แล้วก็ทำการ Mount ให้อัตโนมัติหลังจากเปิดขึ้นมาอีกครั้งมั๊ย?” หลังจากได้คำถามแล้ว ผมก็ใช้เวลาช่วงเช้าทำการค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล ผลที่ได้นั้นน่าพอใจมาก เพราะมันสามารถทำได้ครับ! โดยวิธีทำนั้นค่อนข้างยาว ผมจึงได้เขียนเป็น Script สำหรับติดตั้งขึ้นมาแล้วก็สามารถให้ท่านดาวน์โหลดและนำไปใช้งานได้ทันทีครับ

ดาวน์โหลด

วิธีการติดตั้ง

  1. ให้ท่านทำการแตกไฟล์ Zip ออกมาก่อน แล้วจะได้โฟลเดอร์ชื่อ autome ที่ข้างในจะมีไฟล์ต่างๆ อยู่
  2. ทำการ Double Click ที่ไฟล์ install ข้างในโฟลเดอร์นั้น
  3. จะปรากฎหน้าต่าง Terminal ขึ้นมาเพื่อถาม Password เครื่อง Mac ของท่าน ก็ให้ใส่ให้เรียบร้อย (ท่านที่ไม่ได้ตั้ง Password เอาไว้จะทำขั้นตอนนี้ไม่ผ่านนะครับ ต้องทำการตั้ง Password เครื่องแมคของท่านก่อนแล้วค่อยทำ)
  4. เมื่อติดตั้งเสร็จสิ้นแล้วก็ให้ทำการ Reboot หนึ่งรอบเป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมใช้งานครับ

วิธีการลบหรือเลิกใช้

  1. ให้ Double Click ไฟล์ uninstall ที่อยู่ในโฟลเดอร์ autome
  2. จะปรากฎหน้าต่าง Terminal ขึ้นมาเพื่อถาม Password เครื่อง Mac ของท่าน ก็ให้ใส่ให้เรียบร้อย (ท่านที่ไม่ได้ตั้ง Password เอาไว้จะทำขั้นตอนนี้ไม่ผ่านนะครับ ต้องทำการตั้ง Password เครื่องแมคของท่านก่อนแล้วค่อยทำ)
  3. Reboot เครื่องหนึ่งครั้งเป็นอันเรียบร้อย

การติดตั้งและใช้งานเป็นความเสี่ยงของท่านเองนะครับ แต่ผมลองกับเครื่องผมที่เป็น MacBook Air ลง OS X Lion แล้วสามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ

สำหรับท่านที่สนใจว่ามันทำงานยังไงเพื่ออาจนำไปประยุกต์ใช้งานอย่างอื่น ก็สามารถศึกษาได้จากเวปไซด์ SleepWatcher ได้เลยนะครับ

สุดท้ายนี้ ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่าโลกหมุนได้ด้วยความขี้เกียจครับ และนี่ก็เป็นหนึ่งในโปรเจคความขี้เกียจของผมอีกหนึ่งอัน เอาไว้ผมมีอะไรขี้เกียจอีก ก็จะนำมาแบ่งปันให้กันอีกทีนะครับ 🙂

@Bankja

Categories
iTunes Gift Card Mac

เตรียมพร้อมสู่การอัพเดท Mac OS X Lion

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการเปิดให้อัพเดท Mac OS เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด 10.7 Lion นะครับ ซึ่งอัพเดทครั้งนี้เป็นอัพเดทใหญ่สำหรับชาว Mac ทุกท่านที่ทำให้เครื่อง Mac ของท่านเพิ่มลูกเล่นต่างๆ ขึ้นมามากมาย ครับ

แต่อัพเดทครั้งนี้ก็มีจุดนึงที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงอยู่เรื่องนึงด้วย นั่นคือ Lion นั้นจะไม่มีการวางขายกล่อง DVD สำหรับนำมาอัพเดทเหมือนครั้งก่อนๆ แต่จะขายผ่านทาง Mac App Store อย่างเดียวเท่านั้น! โดยราคาจะอยู่ที่ $29.99 ครับ

ซึ่งแปลว่าการอัพเดทครั้งนี้ต้องทำออนไลน์ผ่านทาง Mac App Store เท่านั้น และผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตก็จะไม่สามารถทำการอัพเดทได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีทางเลือกอยู่สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตและต้องการอัพเดทนะครับ นั่นคือท่านสามารถใช้ iTunes Gift Card เพื่อซื้ออัพเดท Lion นี้ได้ครับ

หลักการของ iTunes Gift Card นั้นจะเหมือนกับบัตรเติมเงินโทรศัพท์ครับ ท่านสามารถซื้อและนำไปเติมเข้ากับ Apple ID ของท่าน (Account เดียวกันกับที่เอาไว้โหลดแอพ iPhone/iPad นั่นแหล่ะครับ) แล้วจากนั้นท่านก็สามารถใช้ยอดเงินที่เติมเข้าไปซื้อแอพใน Mac App Store ได้ทันทีรวมถึงการอัพเดท Lion ด้วยครับ

iTunes Gift Card

หากท่านใดที่สนใจจะอัพเดท Lion แต่ไม่มีบัตรเครดิต ผมก็ขอเสนอบริการทางเลือกของผมนั่นคือ bankja.net iTunes Gift Card เอาไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ สำหรับรายละเอียดการสั่งซื้อนั้นสามารถดูได้ที่ http://bankja.net/itunes เลยครับ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ 🙂

@Bankja

Categories
Find My iPhone iPhone

การใช้งาน Find My iPhone

มาแล้วครับ สำหรับบทความการใช้งาน Find My iPhone ที่หลายๆ ท่านสงสัย ว่าต้องทำยังไงถึงจะใช้งานระบบนี้ได้ และมันเสียเงินหรือไม่? ขอตอบตรงนี้ก่อนเลยว่าเสียเงินครับ ส่วนเสียเท่าไหร่นั้น เดี๋ยวว่ากันข้างล่างสุดนะครับ

mobileme

Find My iPhone นั้นเป็นบริการย่อยที่อยู่ในบริการ MobileMe ของ Apple นะครับ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับ MobileMe นั้นผมจะไม่ขอพูดถึงนะครับ ผมจะพูดถึงแค่การใช้งาน Find My iPhone อย่างเดียว (สำหรับ MobileMe ดูรายละเอียดที่ http://www.apple.com/mobileme มี Free Trial 60 ด้วยนะ!)

find-my-iphone-for-lost-or-stolen-iphones

การจะใช้ Find My iPhone ได้นั้น เราต้องทำการเพิ่ม Account ของ MobileMe เข้าไปใน iPhone ของเราก่อน และ iPhone ที่จะใช้งานได้นั้นต้องมีการเชื่อมต่อกับ Internet อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นถ้าใครจะใช้งานจุดนี้ รบกวนอย่าตั้งปิด EDGE/3G และตรวจสอบโปรโมชั่นของท่านก่อนด้วย ห้ามใช้แบบที่นับเป็นชั่วโมงเด็ดขาด (AIS ดูหน้านี้ครับ ส่วน DTAC กับ TRUE ต้องแบบ Unlimited เท่านั้น) และแม้จะมีการเปลี่ยนซิมที่ใช้งานแล้ว ก็จะยังใช้งาน Find My iPhone ได้อยู่ดีเพราะมันก็จะใช้ซิมใหม่นี้ทำการเชื่อมต่อ Internet ครับ

img_0334

พอเสร็จเรียบร้อย เราก็เข้าไปทำการเปิด Find My iPhone ซึ่งจะอยู่ในส่วนของ Mail Settings ซะ

img_0333

หลังจากเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว เครื่อง iPhone ของเราก็พร้อมที่จะบอกตำแหน่งเมื่อเราต้องการดูได้แล้ว เพียงแต่ว่าถ้า เป็น iPhone Classic นั้นจะไม่สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำเท่า 3G หรือ 3GS นะครับ เนื่องจากในตัว Classic นั้นใช้การหาตำแหน่งจากการคำนวณระยะห่างของเสาสัญญาณมือถือ (Triangular อะไรซักอย่าง) ซึ่งจะไม่แม่นยำเท่าการใช้ชิพ GPS ในการระบุตำแหน่งครับ แต่ถ้า 3G หรือ 3GS อยู่ในอาคารหรือสถานที่ๆ ตัว iPhone ไม่สามารถจับสัญญาณ GPS ได้ มันก็จะใช้การคำนวณตำแหน่งจากเสาสัญญาณมือถือแทนเหมือนกันครับ

เวลาที่เราต้องการจะใช้งาน Find My iPhone ก่อนอื่นเราก็ล็อคอินเข้าไปในเวปของ MobileMe ที่ http://www.me.com ก่อน หลังจากเข้าไปแล้ว ด้านซ้ายบนจะมีเมนูต่างๆ ให้เลือกมากมาย ซึ่งผมก็จะไม่อธิบายอะไรตรงนี้มากเช่นกัน

screen-shot-2009-10-01-at-01-03-41
Mail – Contacts – Calendar – Photo – iDisk – Settings

Find My iPhone นี้จะอยู่ในส่วนของ Settings ครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-04-12

พอกดเข้าไปแล้วก็จะขึ้นหน้าตาประมาณภาพด้านล่างนี้ครับ * ขอเสริมหน่อยว่า MobileMe 1 Account สามารถตั้ง Find My iPhone ได้หลายเครื่องนะครับ แต่ไม่ทราบว่ามีจำกัดไว้กี่เครื่องรึเปล่า ถ้าใครมีข้อมูลรบกวนบอกกันหน่อยนะครับ ส่วนของผมตั้งอยู่ 3 เครื่องครับ *

screen-shot-2009-10-01-at-01-05-03

จากภาพนี่มัน บอกว่าเครื่องผมปิด และหาตำแหน่งไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วเครื่องเปิดอยู่นะครับ สงสัยมันจะเอ๋อกันนิดหน่อย แต่หลังจากถ่ายภาพนี้ได้ไม่นาน แล้วลอง Refresh ใหม่ เครื่องก็กลับมาออนไลน์ปกติครับ แต่ที่เอาภาพนี้มาให้ดูเพื่อจะบอกว่าบางที Find My iPhone มันก็มีเอ๋อกันได้บ้างครับ

ปุ่มหลักๆ ที่กดใช้งานได้จะมีอยู่ 3 ปุ่มคือ

1. Update Location – ปุ่มนี้ก็ตรงตัวครับ เผื่ออยากจะอัพเดทตำแหน่งให้ปัจจุบันมากขึ้นกว่าที่มันแสดงอยู่ ซึ่งปุ่มนี้ต้องใช้เวลาซักพักถึงจะกดได้นะครับ ประมาณว่ารอมันหาจนเสร็จก่อนรอบนึง แล้วเราถึงจะกดได้

2. Display a Message – อันนี้เอาไว้ส่งข้อความเข้าไปในเครื่องครับ โดยจะสามารถเลือกได้ว่าจะแสดงข้อความอย่างเดียว หรือแสดงพร้อมมีเสียงเตือนด้วย

screen-shot-2009-10-01-at-01-09-56

หลังจากส่งเข้าไปแล้ว ถ้าเครื่อง iPhone ได้รับข้อความ ก็จะแสดงผลตามภาพนี้ (ปิด Wifi อยู่นะ)

img_0331

และถึงแม้จะ Slide to Unlock เข้าไปแล้ว ข้อความก็จะยังไม่หายทันที จะยังแสดงผลอยู่ต่อจนกว่าจะกด Ok ซึ่งพอกดแล้วข้อความก็จะหายวับไปทันที ไม่มีทางที่จะให้คนที่ใช้เครื่องอยู่ตอนนั้นสามารถเปิดดูซ้ำได้อีก ฉะนั้นถ้าส่งเบอร์เข้าไปแล้วเค้ากด Ok ไปก่อนที่จะจดหรือจำเบอร์ได้ มันก็จะหายไปทันที (อาจจะต้องส่งหลายรอบหน่อย ก่อนที่เค้าจะจับเคล็ดได้)

img_0332

และหลังจากที่ iPhone ได้รับข้อความนี้แล้ว ทาง MobileMe ก็จะส่ง E-Mail เข้าไปที่ [email protected] ของเราทันทีเพื่อยืนยันการรับข้อความ โดยเมล์ที่ส่งจะส่งมาหน้าตาแบบนี้ครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-11-36

3. Remote Wipe – เป็นปุ่มสั่งลบข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในเครื่อง รวมทั้งค่า Settings ต่างๆ ด้วย โดยเครื่องจะกลายเป็นเหมือนเครื่องใหม่แกะกล่องเลย ไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่สามารถใช้ Find My iPhone ตามได้อีกต่อไป เอาไว้สำหรับคนที่มีข้อมูลสำคัญและไม่อยากให้รั่วไหลไปครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-14-48
(เวรกรรม กดผิดเครื่อง ไปกดเครื่องแฟนเฉย แต่ก็ยังดีที่มันยังไม่ได้ลบไป สยอง!!)

แต่สำหรับ Firmware 3.1 ขึ้นไป จะมีปุ่มใหม่เพิ่มขึ้นมานั่นคือ Remote Lock พอกดแล้วก็จะขึ้นหน้าต่างให้เราตั้งรหัสที่จะใช้เพื่อปลดล็อคเครื่องครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-05-23

screen-shot-2009-10-01-at-01-19-26

ก็คงจะจบการ อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Find My iPhone เพียงเท่านี้ ไม่รู้ว่าละเอียดมากไป หรือน้อยไปยังไงก็บอกกันได้นะครับ จะได้นำไปปรับปรุงในครั้งหน้า

ทีนี้ก็มาถึง เรื่องของราคาจะมีให้เลือก 2 แบบคือแบบ Individual และ Family Pack โดยทั้ง 2 แบบนี้จะจ่ายเป็นรายปีทั้งคู่นะครับ ใครอยากทดลองก็เข้าไปสมัคร Free Trial 60 วันก่อนก็ได้ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเสียเงินกับมันดีมั๊ยอีกทีครับ

  1. Individual – เป็นการสมัครใช้งานคนเดียวราคาอยู่ที่ $99/ปี จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลให้รวมทั้งหมด 20GB
  2. Family Pack – อันนี้เป็นแบบที่ผมใช้อยู่ครับ ใน Pack นี้จะมี Individual + 4 Members โดย 4 Members นี้จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลคนละ 5GB ครับ ราคาอยู่ที่ $149/ปี ถ้าลงขันกันซื้อก็ตกคนละประมาณ 1,000 บาท/ปี ครับ

รายละเอียดส่วนราคาตรงนี้ดูเพิ่มได้ที่ http://www.apple.com/mobileme/pricing ครับ

แต่ ถ้าท่านหาใน Google ดีๆ ผมเห็นมีตัวแทนจำหน่าย (อย่างไม่เป็นทางการ) ในไทยที่ขาย Family Member อยู่ที่ประมาณ 850 บาท/ปี ครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าคุ้มนะครับได้ทั้ง Push Mail, Push Contacts, Push Calendar และอื่นๆ อีกนิดหน่อย

เอวัง…