Categories
Find My iPhone iPhone

บทเสริม: ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 1

ก่อนเริ่มเรื่องผมขอเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมที่ถูกตัดไปในภาค 1-3 ก่อนเล็กน้อย เพื่อที่จะให้ท่านผู้อ่านได้อ่านต่อภาค 4 ได้โดยไม่งง ท่านใดที่ยังไม่เคยอ่านเลย แนะนำให้อ่านฉบับเต็มของแต่ละภาคก่อนที่จะอ่านบทเสริมนะครับ

ผมจะทยอยอัพเดทขึ้นมาให้อ่านนะครับ ได้อ่านจนจบแน่นอน พร้อมใจความที่ครบถ้วนสมบูรณ์ 95% ครับ (อีก 5% คือผมอาจหลงลืมไปบ้าง และอาจตัดบางส่วนออกเล็กน้อยครับ)

บทเสริมของตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 1

ผมจะขอเล่าเพิ่มตรงส่วนของคำให้การของทุกคนก่อนที่จะไปแจ้งความนะครับว่า ทั้ง 5 คน (ไม่รวมแฟนหนุ่มของเจ้าของห้อง) ให้การว่าอะไรบ้าง ผมจะแทนเด็ก 4 คนเป็น A B C D นะครับ ตรงนี้จะเล่าเท่าที่จำได้นะครับ

A: ผมไม่เห็นนะครับ ทำหล่นบนแท๊กซี่ขามารึเปล่า
B: โธ่ พี่ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น
C: ผมไม่ได้เอาไปเลยพี่ ผมสาบานได้
D: เงียบ.. ผมเลยถามไปตอนที่เรียกไปคุยทีละคนนะครับ “เอาไปรึเปล่า เอาไปก็รับมาแล้วจะไม่ว่าอะไร” ก็ได้รับคำตอบว่า “ไม่ได้เอาไปพี่”
พี่สาว: ไม่เห็นเลย นี่ก็ให้น้องๆ ช่วยกันหาทั่วห้องแล้วก็ไม่เจอ

ผมก็เลยถามน้องบลู น้องชายผมอีกทีให้แน่ๆ ว่าไม่ได้ลืมไว้ที่ไหนใช่มั๊ย น้องผมเค้าก็ตอบว่าไม่ได้ลืมแน่นอน เพราะว่าก่อนนอนยังเล่นอยู่เลย เล่นเสร็จก็วางไว้ที่หัวเตียง

พอน้องผมยืนยันหนักแน่นเช่นนี้แล้วผมจึงลองไล่ถามทุกคนดู ว่ามีใครเห็นน้องผมเล่นก่อนนอนบ้างมั๊ย ถ้าเล่นตอนก่อนนอนขณะที่ห้องปิดไฟมืดแล้ว ก็ต้องมีแสงจากโทรศัพท์แยงตาขณะเล่นแน่นอน ทุกคนก็ทำท่าคิดและก็มีคนนึงบอกมาว่า “เห็นตอนที่น้องผมเล่นก่อนนอน” ซึ่งคำตอบนี้เป็นการยืนยันว่าคนตอบนั้นเป็นพยานว่าโทรศัพท์ได้อยู่ในห้องนอน ก่อนที่จะหายจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับว่าเอาไปอยู่ดี

และเสริมอีกนิดสำหรับเหตุการณ์ในโรงพัก ทางตำรวจก็ได้ทำการขู่ผู้ต้องสงสัยทุกคนก่อนที่จะมีการลงบันทึกประจำวันว่า ให้สารภาพและเอาเครื่องคืนเจ้าของดีกว่า เพราะสมัยนี้ทางตำรวจสามารถตามมือถือจากเลข IMEI ได้ ซึ่งเป็นการขู่ซ้อนขู่ของผมอีกทีที่ว่าผมสามารถตามตำแหน่งเครื่องได้ แต่ก็ไม่เป็นผล

ระหว่างที่ก่อนจะแยกย้ายกันหลังจากที่ลงบันทึกประจำวันเสร็จ ผมก็ได้บอกกับตำรวจว่าเรื่องเลข IMEI เดี๋ยวผมโทรแจ้งทีหลังได้มั๊ย เพราะวันนี้ผมไม่ได้เอากล่องมาด้วย เค้าก็บอกว่าได้ แล้วก็ให้โทรมาตามเบอร์ในใบแจ้งความได้เลย ซึ่งเป็นเบอร์ของสารวัตรเจ้าของเรื่อง…

Categories
Find My iPhone iPhone

การใช้งาน Find My iPhone

มาแล้วครับ สำหรับบทความการใช้งาน Find My iPhone ที่หลายๆ ท่านสงสัย ว่าต้องทำยังไงถึงจะใช้งานระบบนี้ได้ และมันเสียเงินหรือไม่? ขอตอบตรงนี้ก่อนเลยว่าเสียเงินครับ ส่วนเสียเท่าไหร่นั้น เดี๋ยวว่ากันข้างล่างสุดนะครับ

mobileme

Find My iPhone นั้นเป็นบริการย่อยที่อยู่ในบริการ MobileMe ของ Apple นะครับ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับ MobileMe นั้นผมจะไม่ขอพูดถึงนะครับ ผมจะพูดถึงแค่การใช้งาน Find My iPhone อย่างเดียว (สำหรับ MobileMe ดูรายละเอียดที่ http://www.apple.com/mobileme มี Free Trial 60 ด้วยนะ!)

find-my-iphone-for-lost-or-stolen-iphones

การจะใช้ Find My iPhone ได้นั้น เราต้องทำการเพิ่ม Account ของ MobileMe เข้าไปใน iPhone ของเราก่อน และ iPhone ที่จะใช้งานได้นั้นต้องมีการเชื่อมต่อกับ Internet อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นถ้าใครจะใช้งานจุดนี้ รบกวนอย่าตั้งปิด EDGE/3G และตรวจสอบโปรโมชั่นของท่านก่อนด้วย ห้ามใช้แบบที่นับเป็นชั่วโมงเด็ดขาด (AIS ดูหน้านี้ครับ ส่วน DTAC กับ TRUE ต้องแบบ Unlimited เท่านั้น) และแม้จะมีการเปลี่ยนซิมที่ใช้งานแล้ว ก็จะยังใช้งาน Find My iPhone ได้อยู่ดีเพราะมันก็จะใช้ซิมใหม่นี้ทำการเชื่อมต่อ Internet ครับ

img_0334

พอเสร็จเรียบร้อย เราก็เข้าไปทำการเปิด Find My iPhone ซึ่งจะอยู่ในส่วนของ Mail Settings ซะ

img_0333

หลังจากเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว เครื่อง iPhone ของเราก็พร้อมที่จะบอกตำแหน่งเมื่อเราต้องการดูได้แล้ว เพียงแต่ว่าถ้า เป็น iPhone Classic นั้นจะไม่สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำเท่า 3G หรือ 3GS นะครับ เนื่องจากในตัว Classic นั้นใช้การหาตำแหน่งจากการคำนวณระยะห่างของเสาสัญญาณมือถือ (Triangular อะไรซักอย่าง) ซึ่งจะไม่แม่นยำเท่าการใช้ชิพ GPS ในการระบุตำแหน่งครับ แต่ถ้า 3G หรือ 3GS อยู่ในอาคารหรือสถานที่ๆ ตัว iPhone ไม่สามารถจับสัญญาณ GPS ได้ มันก็จะใช้การคำนวณตำแหน่งจากเสาสัญญาณมือถือแทนเหมือนกันครับ

เวลาที่เราต้องการจะใช้งาน Find My iPhone ก่อนอื่นเราก็ล็อคอินเข้าไปในเวปของ MobileMe ที่ http://www.me.com ก่อน หลังจากเข้าไปแล้ว ด้านซ้ายบนจะมีเมนูต่างๆ ให้เลือกมากมาย ซึ่งผมก็จะไม่อธิบายอะไรตรงนี้มากเช่นกัน

screen-shot-2009-10-01-at-01-03-41
Mail – Contacts – Calendar – Photo – iDisk – Settings

Find My iPhone นี้จะอยู่ในส่วนของ Settings ครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-04-12

พอกดเข้าไปแล้วก็จะขึ้นหน้าตาประมาณภาพด้านล่างนี้ครับ * ขอเสริมหน่อยว่า MobileMe 1 Account สามารถตั้ง Find My iPhone ได้หลายเครื่องนะครับ แต่ไม่ทราบว่ามีจำกัดไว้กี่เครื่องรึเปล่า ถ้าใครมีข้อมูลรบกวนบอกกันหน่อยนะครับ ส่วนของผมตั้งอยู่ 3 เครื่องครับ *

screen-shot-2009-10-01-at-01-05-03

จากภาพนี่มัน บอกว่าเครื่องผมปิด และหาตำแหน่งไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วเครื่องเปิดอยู่นะครับ สงสัยมันจะเอ๋อกันนิดหน่อย แต่หลังจากถ่ายภาพนี้ได้ไม่นาน แล้วลอง Refresh ใหม่ เครื่องก็กลับมาออนไลน์ปกติครับ แต่ที่เอาภาพนี้มาให้ดูเพื่อจะบอกว่าบางที Find My iPhone มันก็มีเอ๋อกันได้บ้างครับ

ปุ่มหลักๆ ที่กดใช้งานได้จะมีอยู่ 3 ปุ่มคือ

1. Update Location – ปุ่มนี้ก็ตรงตัวครับ เผื่ออยากจะอัพเดทตำแหน่งให้ปัจจุบันมากขึ้นกว่าที่มันแสดงอยู่ ซึ่งปุ่มนี้ต้องใช้เวลาซักพักถึงจะกดได้นะครับ ประมาณว่ารอมันหาจนเสร็จก่อนรอบนึง แล้วเราถึงจะกดได้

2. Display a Message – อันนี้เอาไว้ส่งข้อความเข้าไปในเครื่องครับ โดยจะสามารถเลือกได้ว่าจะแสดงข้อความอย่างเดียว หรือแสดงพร้อมมีเสียงเตือนด้วย

screen-shot-2009-10-01-at-01-09-56

หลังจากส่งเข้าไปแล้ว ถ้าเครื่อง iPhone ได้รับข้อความ ก็จะแสดงผลตามภาพนี้ (ปิด Wifi อยู่นะ)

img_0331

และถึงแม้จะ Slide to Unlock เข้าไปแล้ว ข้อความก็จะยังไม่หายทันที จะยังแสดงผลอยู่ต่อจนกว่าจะกด Ok ซึ่งพอกดแล้วข้อความก็จะหายวับไปทันที ไม่มีทางที่จะให้คนที่ใช้เครื่องอยู่ตอนนั้นสามารถเปิดดูซ้ำได้อีก ฉะนั้นถ้าส่งเบอร์เข้าไปแล้วเค้ากด Ok ไปก่อนที่จะจดหรือจำเบอร์ได้ มันก็จะหายไปทันที (อาจจะต้องส่งหลายรอบหน่อย ก่อนที่เค้าจะจับเคล็ดได้)

img_0332

และหลังจากที่ iPhone ได้รับข้อความนี้แล้ว ทาง MobileMe ก็จะส่ง E-Mail เข้าไปที่ [email protected] ของเราทันทีเพื่อยืนยันการรับข้อความ โดยเมล์ที่ส่งจะส่งมาหน้าตาแบบนี้ครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-11-36

3. Remote Wipe – เป็นปุ่มสั่งลบข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในเครื่อง รวมทั้งค่า Settings ต่างๆ ด้วย โดยเครื่องจะกลายเป็นเหมือนเครื่องใหม่แกะกล่องเลย ไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่สามารถใช้ Find My iPhone ตามได้อีกต่อไป เอาไว้สำหรับคนที่มีข้อมูลสำคัญและไม่อยากให้รั่วไหลไปครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-14-48
(เวรกรรม กดผิดเครื่อง ไปกดเครื่องแฟนเฉย แต่ก็ยังดีที่มันยังไม่ได้ลบไป สยอง!!)

แต่สำหรับ Firmware 3.1 ขึ้นไป จะมีปุ่มใหม่เพิ่มขึ้นมานั่นคือ Remote Lock พอกดแล้วก็จะขึ้นหน้าต่างให้เราตั้งรหัสที่จะใช้เพื่อปลดล็อคเครื่องครับ

screen-shot-2009-10-01-at-01-05-23

screen-shot-2009-10-01-at-01-19-26

ก็คงจะจบการ อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Find My iPhone เพียงเท่านี้ ไม่รู้ว่าละเอียดมากไป หรือน้อยไปยังไงก็บอกกันได้นะครับ จะได้นำไปปรับปรุงในครั้งหน้า

ทีนี้ก็มาถึง เรื่องของราคาจะมีให้เลือก 2 แบบคือแบบ Individual และ Family Pack โดยทั้ง 2 แบบนี้จะจ่ายเป็นรายปีทั้งคู่นะครับ ใครอยากทดลองก็เข้าไปสมัคร Free Trial 60 วันก่อนก็ได้ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเสียเงินกับมันดีมั๊ยอีกทีครับ

  1. Individual – เป็นการสมัครใช้งานคนเดียวราคาอยู่ที่ $99/ปี จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลให้รวมทั้งหมด 20GB
  2. Family Pack – อันนี้เป็นแบบที่ผมใช้อยู่ครับ ใน Pack นี้จะมี Individual + 4 Members โดย 4 Members นี้จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลคนละ 5GB ครับ ราคาอยู่ที่ $149/ปี ถ้าลงขันกันซื้อก็ตกคนละประมาณ 1,000 บาท/ปี ครับ

รายละเอียดส่วนราคาตรงนี้ดูเพิ่มได้ที่ http://www.apple.com/mobileme/pricing ครับ

แต่ ถ้าท่านหาใน Google ดีๆ ผมเห็นมีตัวแทนจำหน่าย (อย่างไม่เป็นทางการ) ในไทยที่ขาย Family Member อยู่ที่ประมาณ 850 บาท/ปี ครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าคุ้มนะครับได้ทั้ง Push Mail, Push Contacts, Push Calendar และอื่นๆ อีกนิดหน่อย

เอวัง…

Categories
iPhone

เกี่ยวกับตอนจบของ ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองไตรภาค

หลังจากที่ผมเล่าเรื่องการตามล่า iPhone ของผมไปแล้ว ก็มีคำถามต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องเกี่ยวกับบริการของ Find My iPhone ว่าใช้งานอย่างไร และคำถามที่ฮิตที่สุดคือตอนจบของเรื่องเป็นอย่างไร?

หลังจากที่ผมนอนตีลังกาคิดและปรึกษาเพื่อนผม (@logicwall) แล้ว ก็ได้สรุปกันว่าจะเขียน “ภาค 4” ต่อให้อ่านตอนจบกันให้คลายข้อสงสัย เพราะเค้าถึงกับนัดผมกินข้าวเพื่อถามไถ่ตอนจบกันเลยทีเดียว และตอนจบนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ฉะนั้นผมอาจต้องใช้เวลาในการเรียบเรียงซักหน่อยก่อนที่จะนำขึ้นมาโพสให้อ่าน กันนะครับ

แต่ก่อนหน้าที่จะนำภาค 4 มาให้อ่านกัน ผมยังทำบทความเรื่องการใช้งาน Find My iPhone ค้างไว้อยู่ ก็ขอทำตรงนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเขียนภาค 4 มาให้ทุกคนอ่านตอนจบกันต่อ

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมยินดีกับการได้เครื่องคืนของผม และขอบคุณทุกความเห็นจากทุกๆ ช่องทางนะครับ ส่วนเรื่องจะรู้ได้ยังไงว่าภาค 4 จะโพสเมื่อไหร่ ผมว่าทางที่ง่ายที่สุดก็ตามผมทาง Twitter ของผมละกันครับ @Bankja

Categories
Find My iPhone iPhone

ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 3

ภาคนี้เป็นภาคจบนะครับ ท่านใดขี้เกียจอ่านยาวๆ ก็อ่านแค่ภาคนี้พอ

ภาคนี้เริ่มเรื่องตรงวันที่ 10 กันยายน 2552 เวลา 12.04 น. ซึ่งเวลาที่ผมได้รับเมล์นี้ ผมกำลังทำธุระอยู่ข้างนอกพอดี และได้ยินเสียงแล้วล่ะว่ามีเมล์มา แต่ยังไม่ได้เช็คเพราะไม่ว่าง จนเสร็จธุระราวๆ 13.00 ถึงได้มาเช็คเมล์ขณะที่ขับรถอยู่ (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี) หลังจากที่ผมเห็นเมล์นั้น แอร์รถที่ว่าเย็นๆ ก็ทำผมร้อนวูบวาบทันที เพราะระบบแจ้งมาว่าข้อความที่ส่งล่าสุดได้ส่งไปถึงเครื่องแล้ว ผมอยากจะเช็คตำแหน่งมาก (ด้วยความหวังเต็มเปี่ยม) แต่ว่าขับรถอยู่ คอมก็ไม่มี ไม่รู้จะทำยังไงดี

หลังจากคิดอยู่ราวๆ 1 นาที ผมก็เหลือบไปเห็นกระเป๋า Notebook ของผม แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า “อ่ออออออ” และผมก็ไม่รอช้าหยิบ MacBook สุดรักออกมาพร้อมทั้งเปิด Internet Tethering ใน iPhone ของผม แล้วก็ทำการสั่งให้ MacBook ต่อเนตผ่าน Bluetooth ผ่าน iPhone ผมทันที ตรงนี้เป็นโชคดีของผมมากที่รถติดค่อนข้างยาว ผมจึงสามารถเข้าเวปด้วยเนตแสนอืดของมือถือจนสำเร็จ พอเข้าหน้า Find My iPhone ได้เท่านั้นล่ะ ผมตาโตเลยทีเดียวเพราะสิ่งที่ผมเห็นคือ

i1

แม้ว่ารัศมีจะใหญ่มาก แต่ตรงนั้นผมจำได้ว่ามีห้างใหญ่ตั้งอยู่นั่นคือ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และแม้ว่าเครื่องแสดงสถานะว่า Offline ไปแล้ว แต่มันก็ยังส่งตำแหน่งมาให้ทิ้งไว้ก่อนจะปิดไป นาทีนั้นผมเลื่อนงานทุกอย่างออกไปหมด และปักใจเชื่อแน่นอนว่าเครื่องได้ถูกนำไปขายต่อในร้านที่เดอะมอลล์แล้วแน่ๆ แต่พอดีมีนัดหมอไว้ เลยโทรเรียกน้องชายคนกลางให้ไปเป็นเพื่อนเดินห้างกันหน่อย โดยบอกเค้าว่าหลังจากหาหมอเสร็จจะรีบตามไป ให้ไปเจอกันที่เดอะมอลล์เลย

ผมและน้องไปถึงที่ห้างราวๆ 15.30 น. จากนั้นผมและน้องก็ทำทีว่าเป็นคนมาเดินหาซื้อเครื่อง iPhone มือสอง ผมก็เดินเข้าทุกร้านในห้างเลย มองหาเฉพาะ iPhone 3G 8GB สีดำ ซึ่งเป็นเครื่องที่หายไป โดยจะขอเปิดดูเครื่อง และจะเข้าไปดู IMEI ในเครื่อง ถ้าตรงกับภาพด้านล่างนี้ล่ะก็…หึหึ

imei

ถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะงงว่า ผมจะจำ IMEI ได้ยังไง ยาวจะตาย จะแบกกล่องเข้าร้านไปด้วยก็คงพิลึก ตรงนี้ผมแก้ปัญหาโดยการเขียนเลข IMEI ไว้ที่นิ้วนางมือซ้ายด้านในครับ เพราะผมถนัดขวา ก็คงใช้มือซ้ายถือเครื่อง แล้วพอจะดู IMEI ก็แค่กางนิ้วออกมาเทียบ เราก็เห็นแล้ว

และก็เป็นโชคดีของผมมากที่ห้างนี้ร้านมือถือมีไม่เยอะ หลังจากเดินค้นอยู่ราวๆ 3 ชม. ผมก็พบว่าหาไม่เจอครับ จึงได้ไปนั่งพักกินข้าวกันก่อน แล้วก็นั่งตั้งข้อสมมุติฐานต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งตั้งได้ต่างๆ ดังนี้

  1. อาจจะตกหล่นอยู่บางร้านโดยที่เราเดินไม่ทั่ว
  2. อาจจะขายร้านข้างนอกเดอะมอลล์แต่อยู่ละแวกเดียวกัน
  3. ร้านอาจจะขายออกไปแล้ว

ระหว่างรออาหารผมจึงหยิบ MacBook ออกมาต่อเนตผ่าน iPhone อีกรอบ เผื่อจะเช็คตำแหน่งได้ว่าเครื่องอยู่ที่ไหน (หลังจากที่ได้ข้อความล่าสุดมา ผมยังไม่ได้ส่งเข้าไปใหม่ เพราะกะว่าคนที่ขโมยไปคงไม่กลับใจแล้ว รอให้เครื่องมีการใช้งานดีกว่า แล้วค่อยตามตำแหน่งเอา) แล้วตำแหน่งที่ผมเช็คได้เมื่อเวลาราวๆ 18.30 น. คือภาพนี้ครับ

i2

ตำแหน่งยังคงตำแหน่งเดิม แต่เวลาล่าสุดที่เครื่องอยู่บริเวณนี้คือเวลา 14.22 น. ถึงตรงนี้ผมกับน้องก็เลยสรุปได้ว่าเครื่องต้องเคยอยู่ในห้างเดอะมอลล์งาม วงศ์วานแห่งนี้แน่นอน แต่ตอนนี้คงจะถูกปิด หรือไม่ก็ขายไปแล้ว และถ้าเราอยากจะตามตำแหน่งเครื่องอีกที ก็ควรจะรู้ว่าเครื่องเปิดแล้ว มิเช่นนั้นเราสุ่มเช็คเอาก็คงจะเจอยาก ผมและน้องจึงคิดว่าควรส่งข้อความเข้าไปอีกครั้ง แต่ข้อความที่ส่งเข้าไปรอบนี้จะไม่ใช่ข้อความให้โทรกลับเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ข้อความนี้คือ “Welcome” กะว่าให้คนที่เปิดเครื่องนี้ครั้งต่อไปรู้สึกดีหน่อยว่า iPhone มันต้อนรับเราให้ใช้งานแล้วนะ… โดยข้อความนี้ถูกส่งไปเมื่อเวลา 18.50 น.

หลังจากกินข้าวกันจนอิ่ม ผมกับน้องก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ จึงได้คุยกันว่ากลับก่อนดีกว่า ตามต่อก็คงไม่เจอ สรุปวันนี้ผมก็แห้วอีกตามเคย

แต่คืนวันนั้นเองขณะที่ผมนอนเล่นอยู่ ก็มีเสียงเมล์ดังเข้ามา ผมก็เช็คดูตามระเบียบ หลังเห็นเมล์ฉบับนั้น ผมเด้งขึ้นมาจากเตียงทีเดียว เพราะเมล์บอกว่าข้อความได้ถูกส่งไปแล้วเมื่อเวลา 22.14 น. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผมอ่านเมล์อยู่นั่นเอง… ผมรีบตรงดิ่งไปที่คอม แล้วก็เปิดเช็คตำแหน่งทันที

i3

หลังจากเห็นตำแหน่ง ผมตื่นเต้นมาก เพราะนี่มันค่อนข้างแคบกว่าที่ได้เมื่อตอนบ่ายเยอะเลย แต่ผมก็ยังไม่พอใจ จึงได้ทำการกด Update Location ดู หวังว่าจะได้ที่ละเอียดมากขึ้น ผลที่ได้ก็คือ

i4

ตำแหน่งที่ได้ แคบลงมาอีก ผมจึงกดดูแบบ Hybrid Mode ทันที

i5

เท่านั้นล่ะครับ ผมชวนครอบครัวออกไปท่องราตรีกันทันที ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยครับ หวังแค่ว่าอยากไปอยู่ใกล้เครื่องมากที่สุด และหวังว่าจะได้คืน แต่พอไปถึงปุ๊บ ก็พบว่าเป็นซอยที่เงียบและมืดมาก ก็เลยลองเดินด้อมๆ มองๆ ตามบ้านดู เผื่อจะเห็นใครเล่น iPhone อยู่ แต่ผลที่ได้คือเจอหมาแถวนั้นเห่าไล่แทน จึงมาตั้งหลักกันในรถและปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกันต่อดี ตอนนั้นทุกคนสรุปได้ตรงกันว่าเครื่องนี้น่าจะถูกขายเปลี่ยนมือมาเรียบร้อย แล้ว คนนี้น่าจะเป็นคนที่ไปซื้อมาจากที่เดอะมอลล์ ก็เลยลองเช็คตำแหน่งอีกครั้งหนึ่งซึ่งก็ยังได้ตำแหน่งเดิมอยู่ จึงส่งข้อความเข้าไปอีกรอบ (พก MacBook มาด้วยเหมือนเดิม ตามระเบียบ) ตอนเวลา 23.16 น. ว่า “กรุณาโทรกลับ 08x-xxx-xxxx ด่วนมาก เรื่องฉุกเฉิน”  และข้อความนี้ก็ส่งเข้าไปถึงเครื่องทันที เพราะว่าทางระบบได้ส่งเมล์กลับมาแจ้งทันทีเมื่อกดส่ง

นั่งรอกันอยู่ประมาณ 10 นาที ก็ยังไม่มีโทรศัพท์ดังพร้อมทั้งเช็คตำแหน่งขณะนั้นก็พบว่าเครื่อง Offline ไปอีกแล้ว ก็เลยไม่รู้จะทำยังไงกันต่อดี จึงส่งข้อความมุกเดิมเข้าไปว่า “Welcome” เมื่อเวลา 23.29 น. แล้วก็ตัดใจและขับรถกลับบ้าน

ขณะที่ออกรถมาได้ไม่กี่นาที ก็มีเมล์เข้ามาบอกว่าข้อความได้ถูกส่งไปแล้วเมื่อเวลา 23.35 น. ผมจึงรีบจอดข้างทาง และเช็คตำแหน่งอีกครั้ง พบว่ายังคงอยู่ที่เดิม ก็เลยส่งข้อความเข้าไปอีกครั้งว่า “รบกวนโทรกลับเบอร์ 08x-xxx-xxxx ด่วน” แล้วก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านต่อโดยไม่หวังอะไรมาก และซักพักนึงก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น…

คนที่โทรมาชื่อคุณ “ปุ๊ก” และผมก็เลยขออนุญาตเค้าเล่าความเหมือนที่เล่าไปในภาค 1 ให้เค้าฟัง พร้อมทั้งบอกว่าถ้าไม่เชื่อ เรามีใบแจ้งความเป็นหลักฐานให้ดูได้ และเค้าก็เชื่อผมพร้อมทั้งให้เบอร์ติดต่อผมมา พร้อมทั้งบอกว่าเค้าเพิ่งไปซื้อเครื่องมาวันนี้เองจากที่เดอะมอลล์งาม วงศ์วาน และยินดีให้ความร่วมมือในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

วันรุ่งขึ้นผมจึงได้นัดเจอคุณปุ๊ก พร้อมทั้งเรียกตำรวจสน.ที่ไปแจ้งความไว้มา แล้วก็เดินไปบุกร้านที่เค้าซื้อมาทันที เพื่อสอบถามความเป็นมาว่าได้เครื่องนี้มาอย่างไร ขั้นตอนต่อจากนี้ผมจะ ไม่ขอเล่านะครับ เพราะอาจจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกได้ และสุดท้ายตอนนี้ผมก็ได้เครื่องคืนแล้ว พร้อมทั้งรู้ตัวคนที่ขโมยไปแล้วครับ

จากประสบการณ์ของผมนั้น ผมจะขอแนะนำท่านที่อาจจะได้มีประสบการณ์เช่นนี้บ้างว่า อย่าไปใจดีให้โอกาสอะไรมาก แล้วก็ไม่ต้องไปเผยไต๋ว่ามี Find My iPhone เพราะจะทำให้คนขโมยไม่กล้าเปิดใช้ และส่งผลทำให้ตามเครื่องได้ล่าช้าเหมือนผมครับ

ปล. ผมคิดว่าถ้า True Move ได้มาอ่าน คงอยากจะได้ไปเป็นข่าวเพื่อทำตลาด ถ้ายังไงก็ติดต่อผมได้ที่ @Bankja นะครับ (หลงตัวเองดีมั๊ย)

Categories
Find My iPhone iPhone

ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 2

ในภาค 2 นี้เนื้อเรื่องก็จะยังไม่เข้มข้นนะครับ แต่ก็ต้องเล่าให้ละเอียด เพราะบางท่านคงชอบอ่านเรื่องเต็มๆ

ก่อนอ่านภาคนี้ ผมขออธิบายก่อนว่า Find My iPhone ทำงานยังไง และมีลูกเล่นยังไงบ้างนะครับ

  1. เช็คได้ว่าเครื่องที่เราตั้งเอาไว้นั้นเปิดหรือปิดเครื่องอยู่
  2. สามารถหาตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ หากโทรศัพท์เครื่องนั้นเปิดอยู่
  3. สามารถส่งข้อความเข้าไปที่เครื่องได้ผ่านทางเวป โดยจะสามารถเลือกได้ว่าจะมีขึ้นข้อความพร้อมเสียง หรือจะให้มีแต่ข้อความอย่างเดียวไม่มีเสียงก็ได้ ตรงนี้ไม่เกี่ยงซิมนะครับ ขอให้แค่เปิดเครื่องและมีสัญญาณมือถือก็สามารถส่งเข้าไปได้ทันที
  4. จะมีระบบ E-mail เตือนกลับมายังเราว่าข้อความที่ถูกส่งไปในข้อ 3 นั้น ได้ถูกแสดงผลที่เครื่องแล้ว ฉะนั้นถึงแม้จะส่งไปตอนที่ปิดเครื่องอยู่ พอเครื่องเปิด และได้รับข้อความ เราก็จะทราบได้ทันทีเช่นกัน
  5. E-mail เตือนที่ว่านั้นจะส่งเข้ายัง E-mail ของ MobileMe ที่เราสมัครไว้ ซึ่งถ้าใช้งานบน iPhone มันจะเป็น Push Mail นั่นแปลว่าถ้ามีเมล์แจ้งเตือนเข้ามานั้น เราจะรู้ได้ทันที
  6. ข้อความที่ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ผ่านทาง Find My iPhone มีข้อเสียใหญ่ๆ คือ เมื่อกดปุ่ม Close หลังจากที่อ่านไปแล้ว จะทำให้ข้อความนั้นปิดไปและไม่มีทางจะอ่านได้อีกรอบ ฉะนั้นแม้เราจะส่งเบอร์เราเข้าไปให้โทรกลับ แต่ถ้าเค้ากดปิดไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้จดหรือจำเบอร์ของเรา เค้าก็จะดูเบอร์อีกครั้งไม่ได้ และก็จะโทรกลับไม่ถูก
  7. Find My iPhone จะไม่สามารถบอกเราได้ว่าซิมที่ใส่อยู่เป็นเบอร์อะไร ฉะนั้นเราจะไม่สามารถโทร หรือเอาเบอร์ไปสืบต่อได้ ทำได้แต่ส่งข้อความเข้าไป แล้วหวังให้เค้าติดต่อกลับมา

เรามาเริ่มภาค 2 กันต่อเลยละกันโดยผมเว้นช่วงมา 2 วันหลังจากวันเกิดเหตุ ด้วยความหวังว่าอาจจะมีเครื่องส่งกลับมาบ้านผมในรูปแบบพัสดุ แต่ก็เงียบสนิทไม่มีวี่แวว ผมจึงได้ส่งข้อความเข้าไปผ่านทาง MobileMe เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 เวลา 12.37 น. ว่า “เครื่องนี้เป็นเครื่องถูกขโมย กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx” หลังจากส่งเสร็จผมก็ไม่มีอะไรทำแล้ว นอกจากรอ โดยข้อความที่ผมส่งไปนี้ ผมหวังผลอยู่ 2 เรื่องคือ ถ้าเค้าเอาไปขายจริง และร้านเปิดมาเจอตอนเช็คเครื่อง ผมหวังว่าจะเจอร้านที่มีน้ำใจติดต่อกลับมา ส่วนอีกเรื่องคือผมจะได้สามารถเปิดเช็คตำแหน่งได้เมื่อมีการเปิดเครื่อง เพราะถ้ามีการเปิดเครื่อง และเครื่องได้ข้อความที่ผมส่งไปนั้น ผมก็จะรู้ทันทีจาก E-mail ที่ทางระบบจะส่งมาแจ้ง

จนเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 เวลา 17.21 น. ขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ออฟฟิศของแฟน ก็มีเสียง E-mail เข้าตามปกติ ผมก็เปิดเช็คดู แต่เมล์ฉบับนี้ทำให้ผมตื่นเต้นมาก มันเป็นเมล์จากทางระบบของ MobileMe นั่นเอง ผมรีบถามแฟนผมทันทีว่ามีคอมเครื่องไหนที่ว่างจะใช้งานได้บ้าง เพราะผมอยากจะเช็คตำแหน่งจะได้รู้ซักทีว่าเครื่องอยู่ที่ไหน หรือถ้าโชคดีจะได้รู้ว่าใครเอาไป พอผมได้คอมปุ๊บ ผมก็รีบเข้าเวปทันที แต่พอผมเข้าไปถึงหน้า Find My iPhone ก็พบว่าเครื่องดังกล่าว Offline ไปแล้ว ผมเสียดายมากๆ จึงได้ทำการส่งอีกข้อความเข้าไปทันทีตอนเวลา 17.34 น. ว่า “เครื่องนี้ถูกขโมยมา กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx ด่วนด้วยครับ”

จากนั้นก็เงียบสนิทมาหลายวัน จนผมนึกว่าคนที่ขโมยไปคงกลัวไม่กล้าเปิดเครื่อง พร้อมทั้งไม่กล้าส่งเครื่องคืนจนเอาเครื่องไปดองในไหปลาร้าที่ไหนแล้ว จนมาถึงวันที่ 7 กันยายน 2552 เวลา 11.53 น. ผมก็ได้รับเมล์จากทางระบบอีกครั้ง รอบนี้ผมอยู่หน้าคอมพอดี จึงรีบเข้าไปเวปเพื่อเช็คตำแหน่งโดยด่วนที่สุด หลังจากเข้าไปแล้วก็รอให้ทางระบบหาตำแหน่งอยู่นานหลายนาที จนสุดท้ายระบบก็หาตำแหน่งไม่เจอ พร้อมทั้งบอกว่าเครื่องได้ Offline ไปแล้ว รอบนี้ทำผมเซ็งเอามากทีเดียว ใจนึงก็แอบคิดว่าสงสัย MobileMe ตูจะพึ่งพาไม่ได้ซะแล้ว แต่ไอการที่จะให้เดาว่าใครเอาไป ก็ไม่มีหลักฐานพอเพียงให้สรุปอยู่ดี จึงได้ส่งข้อความเข้าไปอีกตอนเวลา 12.04 ว่า “เครื่องนี้ถูกขโมยมา กรุณาติดต่อกลับ 08x-xxx-xxxx ด้วยครับ มีค่าตอบแทนให้ครับ” ตอนที่ส่งข้อความนี้นั้น ผมคิดว่ารอบหน้าที่เปิดเครื่องต้องเป็นร้านเปิดแน่ๆ แล้วก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น และขอให้ร้านติดต่อมา

อ่านแล้วเริ่มเบื่อกันรึยังครับ ตามเครื่องมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้เรื่องซักที แต่ขอจบภาค 2 ตรงนี้ก่อนนะครับ พักยกก่อน เมื่อยมือครับ