Categories
iPad

วิธีใช้ iTunes Gift Card เติมเงินผ่าน iPad

เนื่องจากมีลูกค้าหลายท่านสอบถามกันเข้ามาเยอะเกี่ยวกับวิธีการเติมเงินด้วย iTunes Gift Card ผ่าน iPhone / iPod / iPad ว่าทำได้เลยมั๊ย เพราะว่าบางท่านไม่สะดวกจะทำผ่านเครื่องคอม ฉะนั้นผมขอตอบตรงนี้เลยว่าทำได้หมดครับผม โดยวิธีการทำนั้นผมจะค่อยๆ ทยอยอัพเดทให้ทีละอันละกันนะครับ

สำหรับท่านที่ไม่รู้ว่า iTunes Gift Card คืออะไร ก็สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bankja.net/itunes นะครับ

วันนี้ขอเริ่มด้วยการ Redeem หรือการเติมเงินด้วย iTunes Gift Card ผ่านทาง iPad ก่อนนะครับ ซึ่งวิธีการนั้นง่ายมากๆ สามารถทำตามได้ตามขั้นตอนดังนี้ครับ

1. เข้าไปใน App Store ก่อนเลยครับ

2. ตรงบริเวณด้านล่าง ให้เลือกที่ Featured

3. เลื่อนหน้าจอลงไปล่างสุดจะเห็นปุ่มที่เขียนว่า Redeem อยู่ครับ ให้กดเลย

4. เมื่อกดแล้วจะขึ้นหน้าต่างให้ใส่รหัส iTunes Gift Card ขึ้นมา ก็ให้ทำการใส่รหัสเติมเงินที่ผมส่งให้เข้าไปในช่องนี้ได้เลยครับ เมื่อใส่เสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Redeem ที่ด้านขวาบน

5. ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด iPad ก็จะเด้งขึ้นมาถาม Username กับ Password ที่เอาไว้โหลด App ของท่านครับ ก็ใส่ให้เรียบร้อยเพื่อยืนยันการเติมเงิน เมื่อยืนยันเรียบร้อยก็แปลว่าการเติมเงินของท่านเสร็จสมบูรณ์แล้วครับ

6. หากต้องการเช็คยอดเงินผ่าน iPad ก็สามารถทำได้โดยมากดที่ปุ่ม Redeem อีกครั้ง แล้วสังเกตที่บริเวณด้านบน จะมีตัวเลขยอดเงินคงเหลือแสดงให้เห็นครับ

Categories
iPad

แนะนำ App สำหรับใช้งาน Word, Excel, PowerPoint บน iPad 2

สืบเนื่องจากคราวก่อนที่ผมได้แนะนำ App แนะนำที่ควรมีสำหรับ iPad 2 ไป แต่ว่าลืมแนะนำ App ที่สำหรับใช้ทำงานเอกสาร Microsoft Office ต่างๆ เช่น Word, Excel, PowerPoint และเนื่องจาก App พวกนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้อาจตัดสินใจซื้อค่อนข้างลำบาก ผมก็เลยขออาสาแนะนำว่าตัวไหนที่ดีมีคุณภาพพอที่จะซื้อมาใช้งานครับ

App ดังๆ ที่รองรับการใช้งานทางด้านนี้ ในขณะนี้ก็ได้แก่ Documents To Go, QuickOffice, Pages, Numbers, Keynote ครับ ผมจะขอไล่อธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวไปละกันนะครับ

Documents To Go – Office Suite ($9.99) ตัวแรกนี้เป็นตัวที่ราคาคุ้มค่าที่สุดครับ จะสามารถสร้างและแก้ไขเอกสาร Word, Excel ได้ แต่ไม่รองรับการสร้างและแก้ไขไฟล์ PowerPoint นะครับ ข้อดีมากๆ คือซื้อตัวนี้ตัวเดียวสามารถเอาไปใช้งานได้ทั้งบน iPhone และ iPad เลยครับ

 

 

Documents To Go Premium – Office Suite ($16.99) ตัวนี้จะเหมือนตัวแรกครับ แต่เพิ่มความสามารถด้านการสร้างและแก้ไขไฟล์ PowerPoint ได้ และก็สามารถเชื่อมต่อกับ Online Storage ต่างๆ เช่น Google Docs หรือ Dropbox ได้ในตัวครับ

 


QuickOffice Connect Mobile Suite for iPad ($14.99) อันนี้เท่าที่ผมเคยมีโอกาสได้ลองนั้น ค่อนข้างใช้งานได้ครบเลยทีเดียว สามารถสร้างและแก้ไขไฟล์ได้ครบทั้ง Word, Excel, PowerPoint เชื่อมต่อกับ Online Storage ต่างๆ ได้ แต่ข้อเสียคือเวอร์ชั่นของ iPhone และ iPad เป็นคนละตัวกัน ฉะนั้นถ้าท่านซื้อเวอร์ชั่นของ iPad ไป แล้วจะใช้งานบน iPhone ด้วยก็ต้องซื้ออีกรอบนึงครับ

 

Pages ($9.99) ตัวนี้เป็นของ Apple ทำเองครับ สามารถใช้ทำไฟล์เอกสารจำพวก Word หรือ Pages (Mac) ได้ง่ายและสวยที่สุด แต่ข้อเสียคือในราคาขนาดนี้ ท่านจะได้แค่ Word อย่างเดียวนะครับ และหากท่านเซฟไฟล์ที่ทำบน iPad สวยๆ ออกไปเพื่อดูบน Microsoft Word เมื่อไหร่แล้วล่ะก็…ความไม่สวยจะมาเยือนครับ รูปแบบหน้าที่เคยจัดเอาไว้จะค่อนข้างเพี๊ยน แต่ถ้าเอาไปใช้คู่กับ Pages บน Mac แล้วล่ะก็จะสุดยอดมากครับ ข้อเสียอีกข้อคือไม่รองรับ Google Docs และ Dropbox นะครับ

 

Numbers ($9.99) อันนี้ก็เป็นของ Apple ทำเองครับ เอาไว้ทำงานทางด้าน Spreadsheet หรือ Excel โดยเฉพาะ ข้อดีคือมันจัด Layout ได้สวยงามมาก แต่ข้อเสียคือมันรองรับแค่ทำงาน Spreadsheet สูตรที่ใช้งานต่างๆ จะแตกต่างกับ Excel เล็กน้อย และ Layout ที่จัดไว้สวยๆ มันจะหมดสวยทันทีที่ท่านแปลงลง Excel เพราะเค้าออกแบบมาให้รองรับกับ Numbers บน Mac เช่นกันครับ แล้วก็ไม่รองรับ Google Docs และ Dropbox ครับ

 

Keynote ($9.99) นี่ก็ทำโดย Apple อีกเช่นกันครับ มีหน้าที่เอาไว้ทำ Presentation โดยเฉพาะ แต่ตัวนี้ผมค่อนข้างชอบมากตรงที่สามารถทำ Presentation ได้สวยจริงๆ แถมเวลาแปลงลง PowerPoint แล้ว Layout ไม่ค่อยเพี๊ยนด้วย แต่เรื่องของ Effect ก็จะเพี๊ยนไปตามระเบียบนะครับ เพราะเค้าออกแบบมาให้ใช้คู่กับ Keynote บน Mac ครับ แล้วก็เช่นกันครับ ไม่รองรับ Google Docs และ Dropbox ครับ

 

ทั้งหมดนี่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยได้ทดลองใช้งานมานะครับ หากผิดพลาดตรงไหน หรือใครมีอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้เลยนะครับผม ผมจะได้แก้ให้ถูกต้องเพื่อเป็นประโยชน์แก้ท่านอื่นที่มาอ่านต่อไปด้วยครับ

สุดท้ายนี้แต่ละตัวก็ต่างมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปครับ ก็ลองเลือกใช้งานตามที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมกับงานของท่านที่สุดละกันนะครับ แต่ถ้าถามผม ถ้าท่านไม่ได้ใช้งาน Mac อยู่ และต้องใช้ไฟล์คู่กับ Microsoft Office อยู่เป็นประจำ ผมบอกได้เลยว่า Pages และ Numbers ไม่เหมาะกับท่านอย่างแน่นอนครับ

และเหมือนเดิมครับ สำหรับท่านที่อยากจะซื้อ App แต่ไม่มีบัตรเครดิต ก็ลองดูรายละเอียดได้ที่ http://bankja.net/itunes ครับผม

@Bankja

Categories
iPad

App แนะนำที่ควรมีสำหรับ iPad 2

เมื่อวานผมได้พูดถึงเรื่ืองการเริ่มต้นกับ iPad 2 ไปแล้วว่าควรจะเริ่มยังไงนะครับ วันนี้ผมก็จะมาขอแนะนำ App ดีๆ ที่ควรมีติดเครื่องเอาไว้นะครับ เริ่มกันเลยละกัน

GoodReader ($4.99) เป็นแอพที่เอาไว้สำหรับอ่านไฟล์พวก PDF, Word, Excel, PowerPoint, Pages, Numbers, Keynote, Text, รูปภาพ โอวสารพัด ไม่ใช่แค่อ่านอย่างเดียวนะครับ ยังสามารถส่งไฟล์เหล่านี้ไปทาง Email ได้ด้วย แล้วในทางกลับกันก็สามารถเซฟไฟล์แนบต่างๆ ที่มีคนส่งเข้า Email เรามาเก็บไว้อ่านในโปรแกรมนี้ได้เช่นกัน

 

PhotoSync ($1.99) แอพนี้ผมบอกได้คำเดียวว่าสุดยอด! มันทำให้การเอารูปเข้า-ออกจากเครื่อง iPad 2 ของท่านง่ายขึ้นมากๆ จากเดิมเวลาเอารูปออกต้องมาคอยเสียบสาย เวลาเอารูปเข้าต้องมานั่งทำผ่าน iTunes แต่ถ้าเป็นแอพนี้เพียงท่านลงแอพ PhotoSync เอาไว้ทั้งบน iPad 2 และบน Computer ของท่าน ก็สามารถเอารูปเข้า-ออกผ่าน WiFi ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องมานั่งเสียบสายหรือ Sync ให้ยุ่งยากอีกต่อไป

 

iMovie ($4.99) แอพนี้ส่วนตัวแล้วผมยังไม่เคยเล่นนะครับ แต่เท่าที่ฟังจากทุกคนที่ได้ลอง ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสุดยอดมากเรื่องการตัดต่อวีดีโอ ผมเคยคุยกับ @kangg แห่ง Siampod เค้าถึงกับเคยบอกว่ามันตัดต่อวีดีโอได้ดีกว่าเครื่อง MacBook ที่เขาใช้อยู่ด้วยซ้ำ!

 

 

Keynote ($9.99) สำหรับท่านที่รักการทำ Presentation หรือต้องมีการนำเสนองานเป็นประจำ แอพนี้พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง มันคือ PowerPoint สำหรับ iPad 2 นั่นเอง ฉะนั้นหากต้องการนำเสนองานด้วย iPad 2 แล้วล่ะก็ต้องใช้แอพนี้เท่านั้นครับ

 

 

เดี๋ยวจะหาว่าผมแนะนำแต่ตัวเสียเงิน ตัวฟรีดีๆ ที่อยากแนะนำก็มีครับ

Pulse News Reader แอพนี้เป็นแอพที่ผมใช้งานทุกเช้าและก่อนนอนเลยทีเดียว เพราะมันทำให้ผมติดตามข่าวสารได้สะดวกขึ้นมาก และหน้าตาของแอพก็สวยงามน่าใช้งานเป็นอย่างยิ่งครับ

 

 

Twitter อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมากนะครับว่าไว้ทำอะไร 🙂

 

 

 

วันนี้ขอแนะนำเท่านี้ก่อนละกันครับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้ท่านที่เข้ามาอ่านได้นะครับ

และเหมือนเดิมครับ สำหรับท่านที่อยากจะซื้อ App แต่ไม่มีบัตรเครดิต ก็ลองดูรายละเอียดได้ที่ http://bankja.net/itunes ครับผม

@Bankja

Categories
iPad

เริ่มต้นยังไงดีกับ iPad 2

วันนี้เป็นวันเปิดตัว iPad 2 ในประเทศไทย ซึ่งจากที่ผมตามข่าวพบว่ากระแสตอบรับดีมากถล่มทลาย ถึงกับของหมดตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เปิดขายกันเลยก็มี (ได้ยินว่ามีอยู่ที่นึงถึงกับต่อยกันแย่งคิวเลยทีเดียว)


ขอบคุณรูปจากเวป iphone4society.com ครับ

ทีนี้ผมเข้าใจว่าคงจะมีหลายท่านที่ซื้อมาแล้วแต่ไม่รู้จะเริ่มกับมันยังไงดี ผมก็ขอแนะนำว่า iPad นั้นเป็นอุปกรณ์ที่เจ๋งเพราะว่า App เจ๋งๆ เยอะครับ ฉะนั้นการเริ่มต้นกับมันที่ดีที่สุดคือ ท่านต้องทำการสมัคร Apple ID เพื่อเอาไว้ดาวน์โหลด App จากใน App Store ครับผม ซึ่งการสมัครนั้นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สามารถทำตามได้ตามนี้เลยครับ วิธีสมัคร US iTunes Account แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต หรือ Gift Card (จะเลือกเป็น Thai ตอนสมัครก็ได้ครับ แล้วแต่สะดวก)

ทีนี้หลังจากที่ได้ Apple ID เรียบร้อยแล้ว ท่านก็สามารถดาวน์โหลด App มาลองเล่นได้หนำใจท่านเลยครับ เพียงแต่ว่าถ้าท่านไปเจอ App ที่ถูกใจแต่บังเอิญมันไม่ฟรีนั้น การที่ท่านจะโหลดได้ก็ต้องเสียเงินซื้อครับโดยการซื้อนั้นจะต้องใช้บัตรเครดิต ซึ่งถ้าท่านใดไม่มีบัตรเครดิตก็จะไม่สามารถซื้อได้เลย ซึ่งหากท่านต้องการ App ก็อาจต้องไปพึ่งกับทางร้านที่ MBK ให้ลงให้ โดยค่าบริการเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณครั้งละ 500 บาทครับ แต่แอพที่ร้านลงให้นั้น ท่านจะไม่สามารถอัพเดทเองได้นะครับ จะอัพเดททีหรือลงเพิ่มที ก็ต้องกลับไปที่ร้านทุกครั้ง

ตรงนี้ผมก็ขออนุญาตเสนอทางเลือกครับ คือการใช้ iTunes Gift Card ในการซื้อ App แทนสำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตนะครับ โดย iTunes Gift Card นี้จะคล้ายๆ กับบัตรเติมเงินโทรศัพท์ครับ เมื่อเติมเข้าไปแล้ว Apple ID ของท่านก็จะสามารถซื้อ App อะไรก็ได้ตามที่มียอดเงินคงเหลืออยู่ครับผม โดยยอดนี้จะไม่มีหมดอายุ รายละเอียดเต็มๆ อ่านได้ที่ http://bankja.net/itunes ได้เลยครับผม

หากใครได้ผ่านมาอ่านถึงตรงนี้ ก็ขอเชิญ ร่วมสนุกทำแบบสอบถามชิงรางวัล US iTunes Gift Card ฟรี! กันนะครับ

สุดท้ายนี้ขอแสดงความยินดีที่ได้ iPad 2 มาไว้ในครอบครองด้วยนะครับ ขอให้ท่านใช้ให้สนุก หากท่านใช้คล่องแล้ว ผมว่ามันสามารถช่วยงานของท่านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวล่ะ 🙂

@Bankja

Categories
Android BlackBerry iPad iPhone Symbian Windows Mobile

Mail App vs. Web Mail อะไรเจ๋งกว่ากัน ?

คุณใช้งาน Email แบบไหนเป็นประจำอยู่

View Results

Loading ... Loading ...

โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่มีประสบการณ์การใช้งาน Email ผ่านโทรศัพท์มือถือมานานครับ ตั้งแต่สมัยแรกๆ (ประมาณ 10 ปีที่แล้ว) โดยสมัยนั้นบริการ Email ที่จะสามารถใช้งานผ่านมือถือได้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นพวกเมล์บริษัทต่างๆ เท่านั้น ถ้าเป็นพวกผู้ให้บริการฟรี Email เช่น Hotmail, Yahoo! หรือ Gmail (สมัยนั้นยังไม่เกิด) จะรองรับการใช้งานผ่านทาง Web Browser ที่ใช้บน Computer เท่านั้น

ที่เกริ่นมานี่ไม่ใช่อะไรครับ แค่อยากจะบอกว่าสมัยนี้การใช้งาน Email นั้นช่างง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะสามารถใช้ได้แทบจะทุกที่เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะผ่านทาง Computer โดยใช้โปรแกรมเช็คเมล์ยอดนิยมอย่าง Microsoft Outlook หรือจะเข้าผ่านเวปโดยใช้โปรแกรม Internet Explorer แต่ถ้าหากอยู่นอกบ้านก็สามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเมล์เข้ากับมือถือเช่น BlackBerry Mail หรืออาจจะเข้าผ่านทางหน้าเวปผ่านทางมือถือ

ทีนี้ประเด็นที่ผมจะยกมาพูดวันนี้ก็คือเรื่องของการใช้งาน Email บนมือถือ ว่า การตั้งค่าเมล์เข้ากับมือถือเลย (Mail App) หรือว่าเปิดเช็คเมล์ผ่านเวปในมือถือนั้น (Web Mail) อะไรดีกว่ากันครับ