Categories
iPhone

จับผิดคลิป Opera vs Safari บน iPhone

ขอออกตัวก่อนเช่นเคยว่าผมไม่ใช่สาวก iPhone นะครับ เพียงแต่หลังจากดูคลิปนี้แล้ว ผมพบว่าคลิปนี้ไม่โปร่งใสเป็นอย่างมาก จงใจทำออกมาให้ Safari ดูแย่ครับ

จุดที่ผมสังเกตุว่าไม่ปกติมีอยู่ 3 จุดดังนี้ครับ

  1. ตอนต้นคลิปที่ฝั่ง  Safari เปิดหน้าเวปของ Apple อยู่นั้น จะเห็นได้ว่าเวปโหลดเสร็จนานแล้ว แต่สัญลักษณ์หมุนติ้วๆ ข้างๆ 3G ที่แถบด้านบนยังคงหมุนไม่หยุด ซึ่งผิดปกติมากๆ
  2. ดูที่ด้านขวาล่างของ Safari จะเห็นว่า Safari ในคลิปนั้นเปิดอยู่มากกว่า 1 หน้าต่าง ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรก็เป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวผมจะอธิบายอันนี้ต่อด้านล่าง
  3. ช่วงนาทีที่ 1.35 ที่จะทำการเปิดเวป phonescoop.com แข่งกัน โดยเลือกเปิดจาก History ของ Web Browser นั้น โดยปกติสำหรับ Safari พอมีการกดเลือกลิงค์จาก Bookmark หรือ History แล้ว หน้าต่าง Bookmark หรือ History จะหดหายไปทางด้านล่างทันที และจะโชว์เป็นหน้าเวปที่เปิดอยู่ปัจจุบัน หรือเป็นหน้าสีขาวแทน แล้วจึงค่อยๆ โหลดลิงค์ที่เลือกไว้ขึ้นมา โดยจะไม่มีการเปิดค้างไว้แบบในคลิปเด็ดขาด

หลังจากที่ผมดูคลิปจบ ผมก็เลยทดลองดูว่า การที่จะเปิด Safari ทิ้งไว้ โดยให้มีสัญลักษณ์หมุนๆ โหลดอยู่ข้างบนได้นั้น ต้องทำอย่างไร

วิธีที่ผมพบก็คือให้เปิดหน้าเวป Apple ให้เสร็จก่อนแบบในคลิป (หรือเวปอะไรก็ได้ แล้วแต่ท่านเลย) จากนั้นก็เปิดหน้าใหม่ขึ้นมาเป็นหน้าที่สอง แล้วก็เปิดหน้าเวปอะไรก็ได้ที่คิดว่าโหลดนานๆ ขึ้นมา (หรือจะเขียนเป็น HTML ไฟล์ยักษ์ๆ ขึ้นมาก็ได้) จากนั้นก็สลับหน้ากลับไปที่หน้าแรกที่เปิดเวป Apple ไว้เหมือนเดิม เพียงเท่านี้ก็จะได้หน้า Apple ที่โหลดเสร็จแล้ว แต่ยังมีหมุนๆ ข้างบนอยู่

ขั้นตอนทางด้านบนที่ผมว่ามานี้ นอกจากจะได้หมุนๆ แล้ว ยังทำให้ iPhone เปิดเวปอื่นๆ ช้าลงด้วย เพราะว่าแต่ละหน้าจะพยายามแย่ง Bandwidth กัน สรุปคือการทำแบบนี้เป็นการตั้งใจทำให้ Safari เปิดเวปช้าลงนั่นเอง

ส่วนวิธีที่ทำให้เวลากดลิงค์จาก Bookmark หรือ History แล้ว ไม่ทำให้หน้าต่าง Bookmark หรือ History ไม่หายนั้น ผมยังหาไม่เจอครับ ใครพอรู้วิธีรบกวนบอกเป็นความรู้กันหน่อยนะครับ หรือถ้ามันไม่มีวิธีจริงๆ ผมก็อยากให้ทุกท่านที่มี iPhone ช่วยกันทดสอบกันหน่อยว่ากรณีแบบที่เกิดในคลิปนั้น โดยปกติแล้วมันเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือไม่?

สุดท้ายนี้ โดยส่วนตัวผมก็เชื่อว่า Opera น่าจะทำงานเร็วกว่า Safari จริงๆ เพียงแต่ว่าคงจะไม่ต่างกันราวฟ้ากับเหวเหมือนในคลิปครับ

@Bankja

Categories
Find My iPhone iPhone

ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 4

มาแล้วครับกับ “ตามล่า iPhone สุดขอบเมืองด้วย Find My iPhone ภาค 4” ซึ่งห่างหายไปนานหลายเดือนมาก (กี่เดือนอย่าไปนับเลย นับแล้วรู้สึกผิดที่ทำให้หลายท่านรอ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ) บางท่านอาจจะเกรงว่าผมเว้นไปหลายเดือน จะยังจำเรื่งอราวได้อยู่มั๊ย ผมขอรับรองว่าจำได้ครับ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับผมบ่อยแน่ๆ เลยจำได้แม่นเลย ถึงไม่แม่น ก็เอาเป็นว่าไม่ต่ำกว่า 95% ละกันครับ 🙂 เอาเป็นว่าผมจะไม่นอกเรื่องละกันครับ เข้าเรื่องต่อกันเลยดีกว่า

ต่อจากบทเสริมของภาค 3 ที่มีสายตรวจมาถึงที่ห้างแล้ว ผมก็นัดเจอกับสายตรวจที่บริเวณหน้าร้าน Swensen ครับ (ระหว่างที่รอก็กินไอติมไปพลางๆ ชิวดีมั๊ย ประมาณว่ามั่นใจมาก ตูได้เครื่องคืนแน่ๆ) สายตรวจมากันสองนายครับ เค้าก็ติดต่อวิทยุไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยดูแลอยู่ในบริเวณห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วานอีกกลุ่มนึงมาสมทบเข้าด้วยกัน โดยมาอีกประมาณ 2 นาย พอทุกคนมากันพร้อมหน้าแล้ว ผม คุณปุ๊ก และตำรวจอีก 4 นาย ก็เดินบุกไปยังร้านขายมือถือที่คุณปุ๊กได้ซื้อ iPhone มาทันที

พอเดินไปถึงที่ร้านพร้อมกับตำรวจ (ผมสมมุติชื่อร้านว่าร้าน A ละกันนะครับ) ทางร้านก็ทำหน้าแปลกใจ ประมาณว่างานเข้ารึเปล่าวะตู โดยในขณะนั้นร้านขายมือถือบริเวณรอบด้านก็เริ่มฮือฮา และมุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้จังหวะ คุณสายตรวจก็เปิดฉากอธิบายก่อนว่ามีคนแจ้งความว่ามือถือหาย และพบว่าเครื่องที่หายไป เป็นเครื่องที่ร้านนี้รับซื้อมา จึงอยากมาสอบถามว่าเรื่องราวเป็นยังไงมายังไง

พอทางร้าน A ได้ยินอย่างนั้นปุ๊บ ก็ถามหาหลักฐานก่อนเลยทันทีว่า มีหลักฐานอะไรหาว่าเค้ารับซื้อเครื่องขโมยมา คุณปุ๊กจึงหยิบ iPhone เครื่องที่ซื้อกับร้าน A ขึ้นมาให้ดู ส่วนผมก็หยิบกล่องใส่ iPhone ของเครื่องนั้นขึ้นมาให้ทางร้านทดลองตรวจ Serial Number และ IMEI เครื่องดู พอทางร้านดูว่าตรงกันก็ยอมรับทันทีว่าเป็นเครื่องที่ถูกขโมยมาอย่างแน่นอน ทางตำรวจจึงสอบถามเพิ่มเติมว่าได้มือถือเครื่องนี้มาได้อย่างไร ร้าน A จึงตอบมาโดยพลันทันทีว่ารับมาจากอีกร้านนึง (สมมุติว่าเป็นร้าน B) ตำรวจก็เลยให้ทางร้าน A นำทางไปคุยกับร้าน B ทันที โดยให้ผม, คุณปุ๊ก และตำรวจสายตรวจอีกนายรอที่ร้าน A

หลังจากรออยู่ประมาณ 20 นาที ชุดที่ไปร้าน B ก็กลับมาพร้อมกับเจ้าของร้านมือถือ B เป็นผู้หญิงวัยประมาณ 30 กว่าๆ พอมากันครบหน้าแล้ว ทางตำรวจก็ยังไม่สอบถามอะไรเพิ่มเติม แต่นำทางให้ทุกคนไปยังบริเวณลานจอดรถชั้นล่าง ซึ่งในขณะนั้นผมก็ยังงงๆ ว่าเดินไปไหนกัน แต่ก็เดินๆ ตามกันไปก่อน

เดินไปได้ซักพัก ผมก็เห็นว่ามีห้องซึ่งลักษณะเหมือนออฟฟิศสำหรับหน่วย รปภ.อยู่ ตำรวจก็นำทุกคนรวมทั้งผม และคุณปุ๊กเข้าไปในออฟฟิศนั้น ข้างในกว้างขวางพอสมควร ข้างในจะเห็นที่ทำงาน และที่พักของตำรวจ และรปภ.ที่ประจำอยู่ในห้างแห่งนั้น (ผมเพิ่งรู้ว่ามีห้องพักสำหรับตำรวจที่มาประจำอยู่ในห้างด้วยก็วันนี้นี่แหล่ะ)

พอเข้าไปถึง คุณตำรวจก็แยกนำเจ้าของร้านมือถือ B เข้าไปในห้องกระจกด้านในเพื่อทำการสอบปากคำว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร โดยมีผม คุณปุ๊ก และร้าน A นั่งรออยู่ด้านนอก ระหว่างที่รอนี้ ผมก็เลยลองถามตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ ว่าคดีนี้ควรจะทำอย่างไรต่อไป เขาก็บอกว่าคดีแบบนี้เป็นคดีแบบรับของโจรกันเป็นทอดๆ ต้องเรียกค่าเสียหาย หรือเอาความกันเป็นทอดๆ ไป ซึ่งในนาทีนั้นผมหวังแค่ได้เครื่องคืนก็ดีใจแล้ว ไม่อยากทำอะไรให้ยุ่งยาก ส่วนคุณปุ๊กก็หวังแค่ได้เงินคืนและให้เรื่องจบก็พอใจแล้ว ผมและคุณปุ๊กสองคนเลยไม่อยากให้เป็นคดีกันยาวๆ เพราะต่างฝ่ายต่างขี้เกียจ (แล้วแต่มุมมองนะครับตรงนี้)

เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที คุณผู้หญิงร้าน B ก็เสร็จจากการสอบปากคำ ซึ่งเบื้องต้น ทางตำรวจจะตั้งข้อหาว่ารับของโจรให้กับร้าน B ก่อน จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เจตนารับของโจร ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ ทางร้าน B ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ (มันต้องแน่นอนอยู่แล้ว ใครจะอยากโดนตั้งข้อหา ส่วนเรื่องตั้งใจรับ หรือไม่รับของโจร ตรงนี้อีกเรื่องนึง) โดยทางร้าน B บอกว่าได้มีการถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของผู้ที่นำเครื่องมาขายไว้ ทางตำรวจจึงให้ทางร้าน B ไปค้นสำเนาที่ว่านี่มาแสดง เพื่อจะได้ตามสืบต่อได้ว่าคนที่ขโมยเป็นใคร (ส่วนตัวผมพอได้ยินว่ามีถ่ายบัตรเอาไว้ ผมก็รอลุ้นตัวโก่งด้วยความสงสัย + แค้นเล็กๆ เลยล่ะครับ ว่าใครเป็นคนที่ขโมยไป)

ผ่านไปซักไม่กี่นาที ร้าน B ก็กลับมาพร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนของคนที่นำเครื่องมาขาย พอผมได้โอกาส ผมก็ขอหยิบมาดูทันทีเพื่อให้หายข้องใจ… ปรากฎว่าภาพที่ผมเห็น ไม่ตรงกับผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนเลยแต่อย่างใด กลับเป็นภาพของผู้หญิงผิวคล้ำอายุราวๆ 16 ปี (ต่อไปนี้จะเรียกว่าน้องส้ม) ซึ่งทำเอาผมงงไปพอสมควร ผมจึงได้ถามทางร้าน B ต่อว่า คนที่มาขายมาคนเดียว หรือพาใครมาด้วยรึเปล่า เขาก็ค่อยๆ นึก และบอกว่ามากันสองคน อีกคนเป็นวัยรุ่นชายผิวคล้ำๆ พร้อมทั้งพยายามบรรยายลักษณะหน้าตามา แต่เนื่องจากด้วยความที่เรื่องมันเกิดหลายวันแล้ว ผมก็จำหน้าตาของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไม่ได้แล้วเหมือนกัน จึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนที่ขโมยไปกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ถ้าคนที่มาขายเป็นวัยรุ่น (ถ้าไม่ได้ฝากเพื่อน หรือน้องมาขาย) ผมก็สามารถตัดผู้ต้องสงสัยคนที่เป็นพี่สาวเพื่อนผู้เป็นเจ้าของห้อง กับแฟนหนุ่มของเค้าออกไปได้ทันที สรุปคือตอนนี้กลุ่มผู้ต้องสงสัยก็คือเด็กวัยรุ่น 4 คน เพื่อนน้องผมนั่นเอง

ซึ่งระหว่างปรึกษาหารือว่าจะทำยังไงกันต่อไป ทางคุณปุ๊ก และร้าน A ก็เสนอขึ้นมาว่าให้คืนเงินกับของกันเป็นทอดๆ ไป เพราะไม่อยากให้เรื่องยาว โดยลักษณะการคืนจะเป็นประมาณนี้

  1. คุณปุ๊กคืน iPhone <—> ร้าน A คืนเงินคุณปุ๊ก
  2. ร้าน A คืน iPhone <—> ร้าน B คืนเงินร้าน A
  3. ร้าน B คืน iPhone <—> ผมรับ iPhone คืน

ซึ่งถ้าเป็นไปตามผังนี้ ก็แปลว่าร้านที่จะรับผิดชอบหนักที่สุดคือร้าน B เพราะจะไม่ได้เงินคืน กลายเป็นว่าเสียเงินรับซื้อ iPhone แต่ก็ต้องเอาเครื่องคืนเจ้าของ (ผม) ไป ซึ่งเบื้องต้นทางร้าน B ก็ยินดีที่จะทำแบบนี้ เพราะไม่อยากให้เป็นคดีขึ้นมา ประกอบกับคุณๆ ตำรวจทั้งหลายก็ไม่อยากทำคดีนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน (เพราะมันเป็นคดีเล็กน้อย) ก็เลยเหมือนว่าทุกฝ่ายจะลงตัวกับข้อตกลงที่ว่าคืนเงิน และของกันเป็นทอดๆ ไป

ตรงนี้ผมขอเสริมว่า จริงๆ เรื่องมันเป็นคดีอาญาอยู่แล้วตั้งแต่วันที่ผมเข้าไปแจ้งความ และคดีอาญานี้ยอมความกันไม่ได้นะครับ จะมีก็แต่ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำให้มันเงียบไปเอง ฉะนั้นถ้าจบในรูปนี้ อันที่จริงทางตำรวจก็ต้องมีความผิดเต็มๆ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ครับ

หลังจากคุยกันเรียบร้อย ทางตำรวจจึงเชิญทุกท่านที่เกี่ยวข้องไปบันทึกคำให้การที่โรงพักครับ ทุกอย่างก็บันทึกกันตามที่ตกลงกันเอาไว้ จะมีเพิ่มเติมก็ตรงที่ว่าทางร้าน B แจ้งความว่าน้องส้มนั้นนำเครื่องโจรมาขาย เพื่อจะได้เอาไว้ติดตามไล่ทวงเงินที่ร้าน B เสียหายกันต่อไป

พอการบันทึกปากคำเสร็จสิ้น ก็ถึงช่วงที่ต้องคืนเงินกัน ตำรวจก็คืน iPhone 3G ที่ถูกขโมยไปให้กับผม (จบส่วนของผมแล้ว แต่ผมก็ยังคาใจกับคนที่ขโมยไปอยู่ดีว่าเป็นใคร) ส่วนทางร้าน B บอกกับร้าน A ว่าเดี๋ยวกลับไปถึงค่อยเคลียร์กันก็ได้ เพราะร้านอยู่ในห้างเดียวกัน ส่วนร้าน B ก็บอกกับคุณปุ๊กว่าไม่มีเงินสด เดี๋ยวกลับไปถึงห้างแล้วจะกด ATM คืนมาให้ ซึ่งทางผมและคุณปุ๊กกำลังอยู่ในอารามดีใจที่เรื่องจบ ก็เลยไม่ได้อะไรมาก

เสร็จจากตรงนี้ผมก็เดินทางกลับบ้านเลย แต่ก่อนจะแยกย้าย คุณร้าน B ก็มาขอเบอร์โทรศัพท์ผม เค้าบอกว่าเค้ามีญาติเป็นตำรวจ เดี๋ยวเค้าจะตามคดีต่อเอง เพราะไม่เช่นนั้นเค้าจะต้องขาดทุนเงินค่าเครื่อง แต่อยากให้ผมช่วยไปถามรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ-นามสกุลจริงของเพื่อนน้องทั้ง 4 คนให้เขาหน่อย เพราะถ้าเด็กในกลุ่มผู้ต้องสงสัยนี้ คนไหนที่ทำบัตรประชาชนแล้ว เขาสามารถดูหน้าตาจากฐานข้อมูลของตำรวจได้ ด้วยความที่ผมอยากรู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่าใครคือคนที่ขโมยเครื่องไป ผมจึงบอกเค้าว่าเดี๋ยวผมจะให้น้องผมหารายชื่อแล้วส่งไปให้เขาตรวจสอบอีกที

พอผมถึงบ้านก็โทรศัพท์ถามคุณปุ๊กเรื่องเงินว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้คำตอบด้วยเสียงเซ็งๆ ว่า ทางร้านยังไม่ยอมให้เงินคืน โดยอ้างว่ายังไม่มีเงิน คุณปุ๊กก็กลัวว่าทางร้านจะเบี้ยวเงิน เลยอยากให้ผมเป็นพยานให้เผื่อเป็นคดีในภายหลัง ถ้าร้าน A ไม่ยอมคืนเงินให้คุณปุ๊กจริงๆ ด้วยความที่ผมเกรงใจคุณปุ๊กมากเพราะอุตส่าห์ร่วมมือกับผมเต็มที่ ผมจึงตอบรับช่วยเหลือไปในทันที

ถัดมาอีกประมาณ 3 วัน เป็นวันที่ 14 กันยายน 2552 หลังจากที่ผมส่งรายชื่อเพื่อนน้องทั้ง 4 ให้เค้าไปตั้งแต่คืนที่กลับมาแล้ว ทางร้าน B ก็โทรมาหาผมเขาบอกว่าเขารู้ตัวคนร้ายที่ขโมยไปแล้วว่าเป็นใคร จากการเช็คหน้าตา ซึ่งเป็นโชคอย่างมาก เพราะว่าในผู้ต้องสงสัย 4 คนนั้น มีคนที่อายุถึงทำบัตรประชาชนเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และภาพเด็กหนึ่งในสองคนที่เขาดึงข้อมูลขึ้นมาได้ ทางเจ้าของร้าน B ก็ระบุว่าหน้าตาตรงกับคนที่มากับน้องส้มในวันที่นำเครื่องมาขาย!!

พอผมได้ยินดังนั้น ผมก็รู้ในใจทันทีว่าในที่สุดเราก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนขโมยไป ผมจึงถามกลับไปโดยพลันว่าคนที่ขโมยไปนั้นชื่ออะไร?….

ขอพักเบรคก่อนนะครับ จริงๆ ผมว่าจะเล่าให้จบในตอนนี้ล่ะครับ แต่พอเขียนๆ มาเรื่อยๆ รู้สึกว่ามันยาวเหมือนกันนะนี่ ประกอบกับเวลาขณะที่ผมเขียนนี้คือ 2.22 น. พรุ่งนี้ผมต้องทำงาน 8.30 น. ครับ ฉะนั้น ก็เลยเอาเป็นว่าขอจบภาค 4 ตรงนี้ เอาไว้ให้อ่านไปพลางๆ ก่อน และก็ขออนุญาตมีภาค 5 อีกภาคเป็นภาคจบละกันครับ (ใครที่อ่านข้ามมาอ่านตอนจบ เพราะหวังจะรู้ว่าใครขโมยไป ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะตอนนี้ยังไม่มีเฉลยคำตอบที่ท่านสงสัยอยู่ครับ)

Categories
iPhone

เปรียบเทียบ App สำหรับส่งข้อความระหว่าง iPhone ด้วยกัน ภาค 4

อัพเดทต่อจาก เปรียบเทียบ App สำหรับส่งข้อความระหว่าง iPhone ด้วยกัน ภาค 3 นะครับ เพราะเห็นว่าแต่ละตัวก็ออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ กันมาทั้งนั้น รายละเอียดต่างๆ ก็ดูได้ตามตารางเช่นเคยนะครับ รอบนี้ Font กับสีของตารางจะแปลกตาไปหน่อยนะครับ เนื่องจากทำในโปรแกรม Numbers บน Mac ตารางก่อนหน้านี้ทำโดยใช้ Excel 2007 ครับ

iPhoneChat

Download กันได้ตามนี้เลยครับ

ถ้ามีอะไรผิดพลาด หรืออยากให้แก้ไขปรับปรุงตรงไหนก็บอกกันได้เลยนะครับ 🙂

Categories
iPhone

ท่านใช้งาน Push Notifications ใน iPhone หรือไม่?

ผมตั้งโพลนี้เพราะผมสงสัยว่าผู้ใช้ iPhone ในไทยนั้นใช้งาน Push Notifications กันมากน้อยแค่ไหนครับ เพราะว่าโดยส่วนตัวผมคิดว่าถ้ามีการใช้งานฟังก์ชั่นนี้แล้วล่ะก็ iPhone จะสามารถประยุกต์ใช้งานได้อีกหลายทางมากนอกจาก ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เปิดเวป และเป็นโทรศัพท์ครับ

ฉะนั้นก็ขออนุญาตสอบถามกันโต้งๆ เลยละกันนะครับ และรบกวนช่วยบอกต่อเพื่อนๆ ให้มาช่วยตอบโพลนี้ด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ เพราะจะช่วยให้รู้ถึงพฤติกรรมการใช้งานด้านข้อมูลบน iPhone ได้ส่วนนึงครับ ขอบคุณมากครับ

ท่านใช้งาน Push Notifications บน iPhone หรือไม่?

View Results

Loading ... Loading ...

หมายเหตุ: ถ้าท่านใช้ Firefox 3.6 beta จะไม่สามารถใช้ Facebook Connect ได้นะครับ

Categories
DTAC iPhone

แพ็คเกจ GPRS/EDGE ของ DTAC เพื่อการใช้งาน iPhone ให้ได้ 101%

ในที่สุด DTAC ก็ออกดาต้าแพ็คเกจที่เหมาะสมกับโทรศัพท์ในยุคใหม่กันซักทีนะครับ เนื่องจากโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ นี้จะเน้นการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และการทำงานแบบ Always On หรือใน iPhone จะเรียกว่า Push Notifications นั่นเอง ซึ่งหมายความว่าถ้าท่านใช้งานโทรศัพท์เป็น จะไม่มีการพลาดการติดต่อ หรือข้อมูลใดๆ แน่นอน

ส่วนจุดที่แตกต่างจากการใช้แพ็คเกจที่นับจากเวลาการใช้งานนั้น ให้ลองอ่าน แพ็คเกจของ AIS ที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ดูนะครับ

แพ็คเกจแบบคิดตามปริมาณข้อมูลการใช้งานของ DTAC ทั้งระบบรายเดือนและเติมเงินจะเหมือนกันนะครับ โดยจะมีให้เลือก 4 อย่างคือ

Screen shot 2010-02-02 at 23.51.55


* ส่วนเกินคิด KB ละ 1 สตางค์ หรือ MB ละ 10.24 บาทนั่นเอง *

โดยส่วนตัวผมแนะนำว่าใช้แบบ 150 MB ก็น่าจะพอสำหรับการใช้งานทั่วไปครับ แต่ถ้าเน้นดูรูป อัพรูปเยอะ ก็คงต้อง 500 MB หรือ 1 GB แล้วแต่การใช้งานครับ

[อัพเดท 29/05/10] ผมได้ยินมาว่า สำหรับค่ายนี้ ถ้าใช้ iPhone แล้วโทรไปเรื่องแพ็คเกจ Internet จะสามารถสมัครแพ็คเกจ Unlimited ได้ในราคา 650 บาท/เดือน จาก 999 บาท/เดือนด้วยนะครับ เป็นการชดเชยที่ไม่สามารถให้ลูกค้าที่ไม่ได้ใช้ dtac iPhone สมัครแพ็คเกจ dtac iPhone ได้ครับ