Categories
iPad iPhone

วิธีสมัคร US iTunes Account แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต หรือ iTunes Gift Card

แจก iPad 2 ฉลองเปิดเวปใหม่ คลิกเพื่ออ่านกติกา

เห็นกระแส iPad มาแรง และ App กับนิตยสารดีๆ ส่วนใหญ่ก็จะขายอยู่ใน US iTunes Store กันซะเยอะ ผมก็เลยคิดว่าหลายๆ คนคงจะมีความสนใจใน Content ที่ขายอยู่ใน US iTunes Store กันไม่น้อย ก็เลยทำวิธีสมัคร iTunes Account หรือ Apple ID แบบละเอียดสุดๆ มาให้ครับ เริ่มกันเลยตามขั้นตอนตามด้านล่างเลยนะครับ (รูปทุกรูปสามารถคลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่ได้)

สำหรับท่านที่ยังไม่มีโปรแกรม iTunes สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ http://www.apple.com/itunes/download เลยนะครับ

ท่านที่ต้องการซื้อแอพแต่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถใช้ iTunes Gift Card ได้นะครับ
คลิกเพื่อดูรายละเอียดได้เลยครับผม

1. เปิดเข้าโปรแกรม iTunes หากยังไม่มี iTunes สามารถดาวน์โหลดได้ที่เวปของ Apple ครับ พอโหลดเสร็จแล้วก็ลงให้เรียบร้อยแล้วก็เปิดเข้าได้เลย

2. พอเปิด iTunes ขึ้นมาแล้ว ให้กดเลือก iTunes Store ด้านซ้ายมือ

3. เลือกประเทศให้เป็น US (United States) โดยเลื่อนลงไปด้านล่างสุด ตรงมุมขวาล่างจะเห็นธงชาติ ถ้าไม่ใช่ธงชาติ US เหมือนในรูป ให้เอาเมาส์คลิกที่ธงชาติเพื่อทำการเปลี่ยนประเทศ

4. เมื่อคลิกที่ธงชาติแล้ว iTunes ก็จะขึ้นธงมากมายมาให้เราเลือก

5. เลื่อนลงไปด้านล่างจะเห็นธงชาติ US เขียนว่า United States ให้คลิกเลยครับ

6. เมื่อเลือกประเทศเป็น US แล้ว iTunes จะกลับมายังหน้าหลักของ iTunes Store ให้เราเลือก App Store ด้านบน

7. เมื่อเข้ามาใน App Store แล้ว จะเห็น App สำหรับ iPhone / iPad มากมายให้โหลด ตอนนี้เรายังไม่ต้องสนใจมัน เดี๋ยวสมัครให้เสร็จก่อน แล้วค่อยโหลดนะครับ

8. สังเกตุที่ด้านขวาไว้ แล้วให้เลื่อนลงไปด้านล่างนิดนึง จะพบกับส่วนของ Free Apps พอเจอแล้วให้เลือกโหลดตัวไหนก็ได้ที่ฟรีซัก 1 ตัว โดยคลิกที่คำว่า Free ด้านขวามือของ App ที่เลือก (ตรงนี้สำคัญมากนะครับ ต้องเลือกตัวที่ฟรีเท่านั้น ถ้าเลือกตัวที่ไม่ฟรี ตอนสมัครจะโดนบังคับให้ใส่บัตรเครดิตครับ)

9. เมื่อคลิกแล้ว iTunes จะเด้งหน้าต่างขึ้นมาให้สมัคร iTunes Account หรือ Login เพื่อดาวน์โหลดในกรณีที่มี Account อยู่แล้ว ให้คลิกที่ Create New Account ครับ

10. พอคลิกแล้ว ก็จะพบกับหน้า Welcome to the iTunes Store ให้คลิกที่ Continue เลย

11. ต่อมาจะเป็นหน้า iTunes Store Terms & Conditions ให้ติ๊กถูกที่กล่องด้านล่าง แล้วคลิก Continue ครับ

12. หน้านี้จะให้เราสมัคร US iTunes Account ให้กรอกรายละเอียดต่างๆ ตามช่องให้ครบถ้วน โดย iTunes Account นี้จะใช้ Email ของเราเป็น Username ส่วน Password ก็ตั้งเอาตามสะดวกของแต่ละท่านเลยครับ พอเสร็จแล้วให้คลิก Continue (Email ตรงนี้ต้องเป็น Email ที่มีอยู่จริงนะครับ เพราะต้องใช้ในการยืนยันด้วย)

อัพเดทวันที่ 21/09/10 ตอนนี้เรื่องการตั้ง Password Apple ID นั้นต้องมีความยาวอย่างต่ำ 8 ตัวอักษร และต้องประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่ และตัวเลขปนกันครับ เช่น Asdf1234 หรือ AntBird3 ครับ

13. หน้าถัดมาจะให้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงิน ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของเรา (เป็นชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ปลอมได้ แต่ที่อยู่ต้องเป็นที่อยู่ที่มีอยู่จริงใน US)

14. ด้านบนเลือกเป็น None แล้วกรอกรายละเอียดชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ลงไป แล้วคลิก Continue (สำหรับที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ให้ลอกตามในรูปไปได้เลยครับ ใช้ซ้ำกันได้ ไม่ต้องห่วง ผมคอนเฟิร์ม) รูปกดขยายใหญ่ได้นะครับ
หรือใส่ตามนี้ได้เลยครับ

  • Address : 1 Infinite Loop
  • City : Cupertino
  • State : CA – California
  • Zip : 95014
  • Phone : 123 4567890

15. เมื่อถึงหน้านี้ก็เป็นอันเสร็จวิธีการสมัคร ก็จะเหลือขั้นตอนอีกเล็กน้อยก่อนที่จะใช้งานได้ นั่นคือการยืนยัน Email ว่าถูกต้อง ให้เราคลิก Done แล้วก็ไปเปิดเช็ค Email ที่ใช้ในการสมัครเมื่อตะกี้ไว้เลย

16. สำหรับตรงนี้อาจจะต้องใช้เวลาซักพักกว่าเมล์จะส่งเข้ามา บางคนอาจจะได้เลย หรือบางคนอาจต้องรอหลายชั่วโมงก็มีครับ โดยตัวอย่างเมล์จะเหมือนในภาพด้านล่าง ให้ทำการคลิกที่ Verify Now ที่ผมวงสีแดงเอาไว้เลย

17. เมื่อคลิกที่ลิงค์แล้วก็จะเปิดเวปหน้าต่างเหมือนภาพด้านล่างขึ้นมา ให้เราใส่ Username กับ Password ซึ่ง Username กับ Password ก็คือ Email กับ Password ที่เรากรอกไว้เมื่อในขั้นตอนที่ 12 นั่นเอง เมื่อกรอกเรียบร้อยแล้วก็ให้คลิก Verify Address

18. พอ Verify Address เรียบร้อย ก็จะพบข้อความว่า Email address verified. ให้คลิกปุ่ม Return to the Store เพื่อกลับสู่ iTunes

19. หลังจากกับมาที่ iTunes แล้ว ให้รอมันโหลดซักพัก ก็จะพบกับหน้า Congratulations ตามภาพ เป็นการยืนยันว่าการสมัครเสร็จเรียบร้อย ท่านสามารถใช้ Account ของท่านเพื่อโหลดแอพต่างๆ ได้ทันที ให้คลิกที่ Done เพื่อเข้าสู่โลกของ US iTunes Store ได้เลยครับ

20. เมื่อเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว iTunes จะกลับมายังหน้าหลักของ US iTunes Store ให้สังเกตุที่มุมขวาบนจะเห็น Email ของท่านอยู่ ถ้าเห็นก็แปลว่าทุกอย่างเรียบร้อยครับ

21. เสริมเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ได้สมัครโดยใช้คอมตัวเอง ท่านต้องทำการ Authorize Computer ก่อน มิฉะนั้นท่านจะไม่สามารถนำ App ต่างๆ ลงไปใน iPhone / iPad ของท่านได้ โดยวิธีการคือ ให้เลือก Store ที่แถบ Menu Bar ด้านบน แล้วเลือก Authorize Computer

22. เมื่อเลือก Authorize Computer แล้ว iTunes จะให้ท่านใส่ Username กับ Password ก็ให้ใส่เหมือนกับในข้อ 17 เลย เมื่อเสร็จแล้วก็คลิกที่ Authorize

23. หลังจาก Authorize แล้ว iTunes จะแจ้งขึ้นมาว่า Authorize สำเร็จหรือไม่ โดยถ้าสำเร็จก็ขึ้นมาว่า “Computer Authorization was successful.หรือThis computer is already authorized.” อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่กรณี ซึ่งถ้าขึ้นตามนี้ก็แปลว่าสำเร็จเสร็จสิ้นทุกอย่าง

กรณีที่ท่านต้องการจะซื้อแอพที่ไม่ฟรี แล้วไม่มีบัตรเครดิต ก็สามารถใช้ iTunes Gift Card ซื้อแทนได้นะครับ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ http://bankja.net/itunes ขอบคุณมากครับผม ^_^

@Bankja

Categories
Android DTAC iPhone

วิธีเปิด/ปิด EDGE ของ Dtac แบบง่ายๆ ไม่ง้อ Call Center

วันนี้ขอนำเสนอวิธีเปิด/ปิด EDGE ของ Dtac ง่ายๆ ผ่านระบบ IVR นะครับ เนื่องจากว่าหลายๆ ท่านที่ใช้ iPhone คงจะพอทราบว่าปัญหาเนตรั่วนั้นเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ซึ่งหากท่านใดใช้ Data Plan ที่เหมาะสม ก็คงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่หลายๆ ท่านก็ยังมีความเชื่อว่าการใช้ Data Plan แบบนับเป็นชั่วโมงยังดีกว่า หรือสำหรับบางท่านก็เชื่อว่าใช้แบบนี้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า ซึ่งก็เป็นความเชื่อที่ไม่ผิดครับ หากว่าท่านสามารถปิด EDGE ได้สนิทจริงๆ บนเครื่อง iPhone

พอดีผมผ่านไปยังบอร์ดของ PDAMobiz.com แล้วเจอท่าน speedhiro โพสวิธีการเอาไว้ และผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงนำมาบอกต่อกันครับ

ซึ่งวิธีการนี้สามารถทำได้ 2 วิธีคือ

วิธีที่ 1
กด *10047 แล้วกดโทรออก
กด 1 เปิดใช้บริการ dtac internet และ MMS
กด 2 ยกเลิกบริการ dtac internet และ MMS

เมื่อคุณกดเลือกไปอย่างใดอย่าง นึ่งแล้ว ระบบจะให้ กด ยืนยันอีกครั้งนะครับ

วิธีที่ 2
กด *104*7*1# โทรออก เปิดใช้บริการ dtac internet และ MMS
กด *104*7*2# โทรออก ยกเลิกบริการ dtac internet และ MMS

เมื่อทำรายการแล้ว สักพักจะมา sms เข้ามาแจ้งด้วยนะครับ ว่าระบบดำเนินการผ่าน หรือไม่ผ่านครับ

ท่านใดที่ต้องการเปิดๆ ปิดๆ เป็นประจำ ก็เซฟเบอร์ไว้ใน Contacts เลยก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องจำว่าต้องกดเลขอะไร

หมายเหตุ: ถ้าปิด EDGE แล้ว จะทำให้ไม่สามารถใช้งาน MMS ได้ด้วยนะครับ และผมยังไม่ได้ทดสอบเป็นการส่วนตัวนะครับเนื่องจากไม่มีเบอร์ Dtac ไว้ทดสอบส่วนตัวครับ ได้ผลหรือไม่ได้ผลยังไง รบกวนโพสไว้ด้านล่างเพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆ ที่เข้ามาอ่านกันด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณท่าน speedhiro จากกระทู้บนบอร์ดของ PDAMobiz.com อีกครั้งครับ

@Bankja

Categories
iPhone

ลูกเล่น + บั๊กเล็กๆ น้อยๆ บน iPhone OS 4 ภาค 1

ที่เขียนว่าภาค 1 เพราะว่าถ้าหาอะไรน่าสนใจๆ เจอ ก็จะนำมาแบ่งปันเพิ่มเติมให้นะครับ

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าไม่ต้องเกริ่นอะไรให้ยาวเสียเวลา 😀

1. หน้า Default Homescreen ที่เปลี่ยนไป เป็นรูปหยดน้ำดั่งรูปด้านล่าง ไม่ใช่พื้นดำๆ รูปโลกอีกต่อไป (แต่เวอร์ชั่นเต็มอาจจะกลับเป็นรูปโลกก็ได้นะ) แต่เนื่องจากว่ารูปนี้อาจจะใหม่เกิน เลยทำให้ Apple ลืมใส่เพิ่มเข้าไปใน Wallpaper ที่แถมมากับเครื่อง ฉะนั้นถ้าใครเปลี่ยน Wallpaper ไปแล้ว ก็อย่าหวังเปลี่ยนกลับมาเป็นรูปหยดน้ำอีกรอบเลย

IMG_0003 IMG_0023

2. ะบบ Digital Zoom สำหรับกล้อง iPhone ซึ่งผมคาดว่ามีหลายๆ คนที่อยากได้ลูกเล่นนี้ วิธีซูมก็ง่ายมาก แค่แตะบนหน้าจอซักส่วนนึง ก็จะขึ้นแถบสำหรับให้ซูมขึ้นมาตามภาพ

IMG_0026

แต่เนื่องจากว่าลูกเล่นนี้ยังคงใหม่อยู่ ฉะนั้นบน OS 4 beta 1 นี้มันยังมีบั๊กอยู่ครับ บั๊กที่ว่าก็คือเวลาถ่ายรูปที่ซูมแล้ว บางที App กล้องจะเด้งแล้วไม่เซฟรูป แต่ที่ตลกคือถ้าถ่ายสำเร็จ อาจจะเห็นภาพกลายเป็นภาพขาวดำไปซะงั้น ตามภาพตัวอย่างเลยครับ

IMG_0016 IMG_0017

3. มี Character Count ในส่วนของ Message Settings แล้ว!!

IMG_0022

@Bankja

Categories
iPhone

สาธิต Multitask APIs บน iPhone OS 4

เข้าใจว่าหลายๆ คนคงรู้แล้วว่าใน iPhone OS 4 ที่เพิ่งเปิดตัวไปนี้มีลูกเล่นอะไรใหม่ๆ บ้าง ซึ่งหนึ่งในลูกเล่นใหม่ๆ ที่ทุกคนให้ความสนใจกันมากคือการ Multitask

7 Multitask APIs

ผมเห็นมีหลายท่านเข้าใจว่าการ Multitask บน iPhone OS 4 ที่จะมาถึงนี้เป็นการเปิดใช้งานได้หลายๆ App พร้อมๆ กัน โดย App ที่ไม่ได้ใช้งานก็จะไปอยู่เป็น Background ด้านหลัง ดังเช่นที่มีบน Windows Mobile OS, BlackBerry OS, และ Android OS ผมขอบอกเลยว่าเป็นการเข้าใจผิดครับ เพราะการทำอย่างที่ว่านี้จะทำให้เกิดการกิน Ram มากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวน App ที่เปิดใช้งานอยู่

การทำงานของ Multitask บน iPhone OS 4 นั้นจะทำงานผ่าน API ใหม่ 7 ตัว ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ จะทำให้เครื่องไม่กิน Ram เหมือนบนระบบอื่นๆ โดย 7 APIs ที่่ว่านี้ก็คือ

  1. Background audio
  2. Voice-over-IP services
  3. Background location
  4. Push notification (มีเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ OS 3 แล้ว)
  5. Local notifications
  6. Task completion
  7. Fast app switching

ถ้าท่านใดต้องการทราบรายละเอียดของ 7 APIs นี้ แนะนำให้ดูใน Keynote หรืออ่านที่เวป Gizmodo นะครับ วันนี้ผมจะมาสาธิตคร่าวๆ กับตัวอย่างการทำงานของ API Task completion และ Fast app switching ครับ

เริ่มด้วยคลิปแรกเป็นตัวอย่างของ Task completion ครับ

ต่อด้วยตัวอย่าง Fast app switching

ปิดท้ายด้วยคลิปแถมว่าถ้าทุก App ใช้ Fast app switching API แล้ว จะสลับเปิด / สลับ App ได้ไวแค่ไหน

ท่านใดอยากให้ทดสอบอะไรเพิ่มก็บอกกันได้นะครับ ถ้าผมทดสอบให้ได้ก็จะทำการทดสอบให้ครับ ส่วนเรื่องคลิปต้องขออภัยเรื่องพูดติดๆ ขัดๆ ด้วยเพราะว่าถ่ายสดมาก ไม่มี Script เลยครับ 😉

@Bankja

Categories
iPhone

จับผิดคลิป Opera vs Safari บน iPhone

ขอออกตัวก่อนเช่นเคยว่าผมไม่ใช่สาวก iPhone นะครับ เพียงแต่หลังจากดูคลิปนี้แล้ว ผมพบว่าคลิปนี้ไม่โปร่งใสเป็นอย่างมาก จงใจทำออกมาให้ Safari ดูแย่ครับ

จุดที่ผมสังเกตุว่าไม่ปกติมีอยู่ 3 จุดดังนี้ครับ

  1. ตอนต้นคลิปที่ฝั่ง  Safari เปิดหน้าเวปของ Apple อยู่นั้น จะเห็นได้ว่าเวปโหลดเสร็จนานแล้ว แต่สัญลักษณ์หมุนติ้วๆ ข้างๆ 3G ที่แถบด้านบนยังคงหมุนไม่หยุด ซึ่งผิดปกติมากๆ
  2. ดูที่ด้านขวาล่างของ Safari จะเห็นว่า Safari ในคลิปนั้นเปิดอยู่มากกว่า 1 หน้าต่าง ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรก็เป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวผมจะอธิบายอันนี้ต่อด้านล่าง
  3. ช่วงนาทีที่ 1.35 ที่จะทำการเปิดเวป phonescoop.com แข่งกัน โดยเลือกเปิดจาก History ของ Web Browser นั้น โดยปกติสำหรับ Safari พอมีการกดเลือกลิงค์จาก Bookmark หรือ History แล้ว หน้าต่าง Bookmark หรือ History จะหดหายไปทางด้านล่างทันที และจะโชว์เป็นหน้าเวปที่เปิดอยู่ปัจจุบัน หรือเป็นหน้าสีขาวแทน แล้วจึงค่อยๆ โหลดลิงค์ที่เลือกไว้ขึ้นมา โดยจะไม่มีการเปิดค้างไว้แบบในคลิปเด็ดขาด

หลังจากที่ผมดูคลิปจบ ผมก็เลยทดลองดูว่า การที่จะเปิด Safari ทิ้งไว้ โดยให้มีสัญลักษณ์หมุนๆ โหลดอยู่ข้างบนได้นั้น ต้องทำอย่างไร

วิธีที่ผมพบก็คือให้เปิดหน้าเวป Apple ให้เสร็จก่อนแบบในคลิป (หรือเวปอะไรก็ได้ แล้วแต่ท่านเลย) จากนั้นก็เปิดหน้าใหม่ขึ้นมาเป็นหน้าที่สอง แล้วก็เปิดหน้าเวปอะไรก็ได้ที่คิดว่าโหลดนานๆ ขึ้นมา (หรือจะเขียนเป็น HTML ไฟล์ยักษ์ๆ ขึ้นมาก็ได้) จากนั้นก็สลับหน้ากลับไปที่หน้าแรกที่เปิดเวป Apple ไว้เหมือนเดิม เพียงเท่านี้ก็จะได้หน้า Apple ที่โหลดเสร็จแล้ว แต่ยังมีหมุนๆ ข้างบนอยู่

ขั้นตอนทางด้านบนที่ผมว่ามานี้ นอกจากจะได้หมุนๆ แล้ว ยังทำให้ iPhone เปิดเวปอื่นๆ ช้าลงด้วย เพราะว่าแต่ละหน้าจะพยายามแย่ง Bandwidth กัน สรุปคือการทำแบบนี้เป็นการตั้งใจทำให้ Safari เปิดเวปช้าลงนั่นเอง

ส่วนวิธีที่ทำให้เวลากดลิงค์จาก Bookmark หรือ History แล้ว ไม่ทำให้หน้าต่าง Bookmark หรือ History ไม่หายนั้น ผมยังหาไม่เจอครับ ใครพอรู้วิธีรบกวนบอกเป็นความรู้กันหน่อยนะครับ หรือถ้ามันไม่มีวิธีจริงๆ ผมก็อยากให้ทุกท่านที่มี iPhone ช่วยกันทดสอบกันหน่อยว่ากรณีแบบที่เกิดในคลิปนั้น โดยปกติแล้วมันเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือไม่?

สุดท้ายนี้ โดยส่วนตัวผมก็เชื่อว่า Opera น่าจะทำงานเร็วกว่า Safari จริงๆ เพียงแต่ว่าคงจะไม่ต่างกันราวฟ้ากับเหวเหมือนในคลิปครับ

@Bankja